บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนฉบับแรก ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 750,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็น 27.27% ของจำนวนหุ้นสามัญที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) โดยมี บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
PCE ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ในธุรกิจอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจร ที่มีความพร้อมการจัดการระบบซัพพลายเชน (Supply Chain) โดยแบ่งได้เป็น 1) กลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์ม น้ำมันไบโอดีเซล และน้ำมันปาล์มโอเลอีนเพื่อการบริโภค ซึ่งรวมถึงการซื้อน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาจำหน่ายต่อให้กับลูกค้าทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ 2) กลุ่มธุรกิจให้บริการคลังสินค้าและท่าเทียบเรือ 3) กลุ่มธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางรถ และ 4) กลุ่มธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือ
ปัจจุบันบริษัทย่อยภายในกลุ่ม PCE ประกอบด้วย
- บริษัท นิว ไบโอดีเซล จำกัด ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่าย น้ำมันไบโอดีเซล น้ำมันปาล์มดิบ น้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ และน้ำมันพืชสำหรับการบริโภค ภายใต้ตราสินค้า "รินทิพย์"
- บริษัท ปาโก้เทรดดิ้ง จำกัด ประกอบธุรกิจซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบ น้ำมันเมล็ดในปาล์ม เมล็ดในปาล์ม และผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากปาล์ม โดยจัดจำหน่ายให้กับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ
- บริษัท พี.เค. มารีน เทรดดิ้ง จำกัด ประกอบธุรกิจให้บริการคลังสินค้าและท่าเทียบเรือ มีพื้นให้บริการกว่า 50,000 ตร.ม. และมีคลังน้ำมันจำนวน 58 แทงค์ที่สามารถรองรับปริมาณการจัดเก็บได้ถึง 240,000 ตัน โดยมีท่าเทียบเรือทั้งในจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดฉะเชิงเทรา (อ.บางปะกง)
- บริษัท เพชรศรีวิชัย จำกัด ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางบกภายในประเทศซึ่งมีรถให้บริการมากกว่า 150 คัน เพื่อขนส่งน้ำมันปาล์ม รวมถึงสินค้าแห้งและอื่นๆ
- บริษัท พี.ซี. มารีน (1992) จำกัด ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือ ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีขนาดเรือ 1,800 ? 3,100 ตัน ซึ่งสามารถขนส่งได้ทั้งของแห้งและของเหลว รวม 14 ลำ
นายประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PCE กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าจะเป็นผู้นำธุรกิจน้ำมันปาล์มและน้ำมันพืชอื่นแบบครบวงจร มีมาตรฐานด้านคุณภาพและบริการเป็นอันดับหนึ่งของประเทศและก้าวสู่ระดับสากล PCE มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตและความยั่งยืนทางธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคต พร้อมทั้งส่งมอบบริการและสินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย และยกระดับการบริหารจัดการองค์กรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ภายใต้หลักธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคม
บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุน เพื่อใช้การลงทุนในกิจการอื่นที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องตามกลยุทธ์การขยายกิจการทั้งในรูปแบบ Backward Integration, Forward Integration และ Horizontal Integration, ลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
ปัจจุบัน PCE มีทุนจดทะเบียน 2,750 ล้านบาท โดยเป็นทุนชำระแล้ว 2,000 ล้านบาท ณ วันที่ 13 ต.ค.66 โครงสร้างผู้ถือหุ้น ประกอบด้วย บริษัท พีซีอีพี โฮลดิ้ง จำกัด 910,000,800 หุ้น คิดเป็น 45.50% ของทุนจดทะเบียน หลัง IPO จะลดสัดส่วนเหลือ 33.09% บริษัท พีเคเอสจี โฮลดิ้ง จำกัด 820,000,000 หุ้น คิดเป็น 41.00% จะลดเหลือ 29.82% ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มประสิทธิ์ศุภผล โดยทั้ง พีซีอีพี โฮลดิ้ง และ พีเคเอสจี โฮลดิ้ง เป็นบริษัทที่ถือหุ้นโดยกลุ่มประสิทธิ์ศุภผล
ผลประกอบการในช่วงปี 63-65 บริษัทมีรายได้รวม 20,100.25 ล้านบาท 28,178.54 ล้านบาท และ 32,677.99 ล้านบาท ตามลำดับ สัดส่วนรายได้หลักมาจากรายได้จากการขาย ทั้งธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มและธุรกิจจำหน่ายกระแสไฟฟ้า 19,526.89 ล้านบาท 27,725.04 ล้านบาท และ 32,335.28 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนรายได้จากการบริการทั้งธุรกิจคลังสินค้าและท่าเทียบเรือ ธุรกิจขนส่งสินค้าทางรถ และธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือ 436.31 ล้านบาท 316.10 ล้านบาท และ 303.00 ล้านบาท
ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปี 66 บริษัทมีรายได้รวม 13,768 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 20,357.66 ล้านบาท ขณะที่กำไรสำหรับงวด 211 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 364 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในแต่ละปี ไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังจากหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด