ราคาหุ้น TRUE ปรับตัวลง 10.69% หรือ ลดลง 0.70 บาท มาที่ 5.85 บาท มูลค่าซื้อขาย 144.91 ล้านบาท จากราคาเปิด 6 บาท ราคาสูงสุด 6 บาท ราคาต่ำสุด 5.75 บาท
หลังคณะอนุญาโตตุลาการได้มีคำชี้ขาดให้บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ชำระผลประโยชน์ตอบแทนส่วนเพิ่มจากรายได้ค่า IC (ส่วนต่างของผลประโยชน์ตอบแทนการเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม หรือ Net IC) พร้อมภาษีมูลค่าเพิ่มและเบี้ยปรับ เป็นจำนวนเงิน 7,066.96 ล้านบาท และเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากเงินจำนวน 4,136.87 ล้านบาท (Net IC ไม่รวมเบี้ยปรับและภาษีมูลค่าเพิ่ม) นับถัดจากวันยื่นคำเสนอข้อพิพาท (22 ต.ค. 62) จนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่ บมจ. โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) (เดิมบมจ. กสท โทรคมนาคม)
ขณะเดียวกันยังมีประเด็นศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น ให้รับคำฟ้องคดีที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่มีมติการรวมธุรกิจระหว่าง TRUE และบมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ตามที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคอุทธรณ์ เพราะเห็นว่าการฟ้องคดีนี้จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เพราะบริการโทรคมนาคมป็นบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานที่มีผลต่อการดำรงชีวิตของประชาชน และด้วยข้อจำกัดเกี่ยวกับปริมาณคลื่นความถี่ที่มีจำนวนจำกัด อีกทั้งการลงทุนในการประกอบกิจการต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก และกระทบต่อการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม มีผลทำให้ผู้ใช้บริการได้รับผลกระทบในวงกว้าง จึงถือได้ว่าการฟ้องคดีนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์อันเกิดแก่การจัดทำบริการสาธารณะโดยตรง
บล.กรุงศรี พัฒนสินมองราคาหุ้น TRUE ยังถูกกดันในระยะสั้น ซึ่งเป็นปัจจัยลบเชิงจิตวิทยาต่อราคาหุ้น โดยเฉพาะผลชี้ขาดคณะอนุญาโตตุลาการต้องจ่ายเงิน 7.1 พันล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย ให้กับ NT ซึ่งเป็นปัจจยกดดันต่อราคาหุ้นค่อนข้างมาก แต่ในส่วนของประเด็นของศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นรับคำร้องการรวมธุรกิจระหว่าง TRUE และ DTAC นั้นยังคงต้องรอการเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการศาลในขั้นอุทธรณ์และต่อไปศาลปกครองสูงสุดต่อไป ซึ่งยังต้องใช้ระยะเวลาอีกหลายปีถึงได้ข้อยุติ