ตลาดหุ้นไทยภาคเช้าปรับตัวไหลลงต่อกว่า 20 จุด ตามตลาดหุ้นภูมิภาค จนหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,380 จุด โดยมีแรงขายหุ้นใหญ่ (Big Cap) ในกลุ่มพลังงาน กลุ่มแบงก์ และ หุ้นบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ที่มีปัจจัยลบเฉพาะตัว กดดันตลาด
เมื่อเวลา 10.33 น. ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,385.71 จุด ลดลง 10.14 จุด (-0.73%)
เมื่อเวลา 11.54 น. ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,375.55 จุด ลดลง 20.30 จุด (-1.45%)
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงไปกว่า 10 จุด เป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย ตอบรับ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนต.ค.ของจีนปรับตัวลงสู่ระดับ 49.5 จากระดับ 50.2 ในเดือนก.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจอยู่ที่ 50.2 โดยดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตอยู่ในภาวะหดตัว ขณะเดียวกันนักลงทุนยังรอดูการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ว่าจะมีการปรับนโยบายการเงินเพื่อให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1.0% หรือไม่
ทั้งนี้ยังมีแรงขายหุ้นบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) เข้ามากดดันเพิ่มเติม หลังคณะอนุญาโตตุลาการได้มีคำชี้ขาดให้ TRUE ชำระผลประโยชน์ตอบแทนส่วนเพิ่มจากรายได้ค่า IC พร้อมภาษีมูลค่าเพิ่มและเบี้ยปรับ เป็นจำนวนเงิน 7,066.96 ล้านบาท ให้แก่ บมจ. โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) อีกทั้งประเด็นศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น ให้รับคำฟ้องคดีที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่มีมติการรวมธุรกิจระหว่าง TRUE และบมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ตามที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคอุทธรณ์ โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวลงกดดันดัชนีอยู่ราว 2%
นอกจากนี้กลุ่มพลังงานก็ปรับตัวลง โดยเฉพาะบมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ตามราคาน้ำมันดิบร่วงกว่า 3%
ให้แนวรับไว้ที่ 1,380 จุด และแนวต้าน 1,400 จุด