นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งไซด์เวย์ออกข้าง หลังเมื่อวานนี้ปรับตัวลงแรง เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) อายุ 10 ปี ยังขยับตัวขึ้น และ นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้ หลังการประชุมนโยบายการเงิน อีกทั้งจับตา US Treasury Department เปิดเผยแผนการขยาย พันธบัตร ส่วนในประเทศยังต้องรอดูการเปิดเผย ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/66 ของบริษัทจดทะเบียน
ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้หลายประเทศรีบาวด์ได้ และบางประเทศแกว่งไซด์เวย์ เช่น สิงคโปร์
ให้แนวรับไว้ที่ 1,365-1,370 จุด และแนวต้าน 1,390-1,400 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (31 ต.ค.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,052.87 จุด เพิ่มขึ้น 123.91 จุด หรือ +0.38%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,193.80 จุด เพิ่มขึ้น 26.98 จุด หรือ +0.65% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,851.24 จุด เพิ่มขึ้น 61.76 จุด หรือ +0.48%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 31,311.22 จุด เพิ่มขึ้น 452.37 จุด หรือ +1.47% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,139.40 จุด เพิ่มขึ้น 26.92 จุด หรือ +0.16% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,038.18 จุด เพิ่มขึ้น 19.41 จุด หรือ +0.645%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (31 ต.ค.66) 1,381.83 จุด ลดลง 14.02 จุด (-1.00%) มูลค่าซื้อขาย 37,497.85 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,356.05 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 ต.ค.66
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.(31 ต.ค.) ลดลง 1.29 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 81.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (31 ต.ค.) อยู่ที่ 2.79 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.17 อ่อนค่า หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ-บอนด์ยีลด์หนุนดอลลาร์แข็งค่า
- ธปท. ชี้แนวโน้มเศรษฐกิจไทย เดือนต.ค. และระยะต่อไป ยังขยายตัวต่อได้ จากบริโภคในประเทศ-ท่องเที่ยวหนุน จับตา "4 ปัจจัยเสี่ยง" การฟื้นตัวภาคส่งออก ความชัดเจนนโยบายรัฐ ภัยแล้งกระทบราคาสินค้าเกษตร ผลสงครามตะวันออกกลาง ต่อราคาพลังงาน อุปสงค์ต่างประเทศ ชี้ไตรมาส 3 บริโภค-ลงทุนยังชะลอ
- เงินดิจิทัล 10,000 บาทเลื่อนแจกยาว ส่อต้องเริ่มปลายปีงบประมาณ 2567 "ที่ปรึกษานายกฯ" ส่งสัญญาณรอจัดสรรงบฯรายจ่ายควบ 2 ปี "2567-2568" ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง แทนตั้ง "งบฯ ผูกพัน" 4 ปี ที่อาจผิด พ.ร.บ.เงินตรา คาดแจกผ่านแอป "เป๋าตัง" เสี่ยงน้อยสุด ขณะที่ "นายกฯ เศรษฐา" เลี่ยงตอบคำถาม
- ครม.มีมติให้ น้ำตาลทราย กลับมาเป็นสินค้าควบคุม อาศัยอำนาจคณะกรรมการกลางราคาสินค้ากระทรวงพาณิชย์ ลดราคาขายปลีกน้ำตาลทรายเหลือ กก.ละ 24-25 บาท แถมคุมไปถึงราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงาน โรงงานน้ำตาลวิจารณ์แซด ล้มระบบลอยตัวราคาน้ำตาลยุคประยุทธ์ กลุ่มชาวไร่อ้อยเคลื่อนไหวหนัก หากอ้อยขั้นต้นต่ำกว่า 200 บาท/ตัน หวั่นขัดกติกา WTO
- สนค. เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเดือน ก.ย.66 ที่ขยายตัว 0.3% เทียบเดือน ก.ย.65 ถือว่าต่ำสุดเป็นอันดับ 8 ของโลก จาก 130 เขตเศรษฐกิจที่มีการประกาศตัวเลข ส่วนประเทศที่มีเงินเฟ้อต่ำสุดอันดับ 1-7 ของโลก ได้แก่ บูร์กินาฟาโซ ติดลบ 2.6% ตามด้วยเซเชลส์ ติดลบ 2.47%, คอสตาริกา ติดลบ 2.24%, นิวแคลิโดเนีย ติดลบ 0.2%, จีน ทรงตัวที่ 0.0%, อาร์เมเนีย เพิ่ม 0.1% และเนเธอร์แลนด์ เพิ่ม 0.2% ขณะที่ประเทศที่มีเงินเฟ้อสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เวเนซุเอลา เพิ่ม 318.0%, เลบานอน เพิ่ม 208.0%, อาร์เจนตินา เพิ่ม 138.0%, ตุรกี เพิ่ม 61.53% และอิหร่าน เพิ่ม 39.5%
- สถานการณ์ที่ "นักลงทุน" เลือกที่จะไม่เชื่อมั่นใน "พื้นฐานธุรกิจ" แต่เลือกที่จะเชื่อในภาพใหญ่ของบรรยากาศลงทุนของตลาด ! ซึ่งปัจจุบันสารพัดปัจจัยลบรุมเร้า ส่งผลกระทบเชิงลบต่อความเชื่อมั่นการลงทุนใน "หุ้นไอพีโอ" ในช่วงที่ผ่านมา ดังจะเห็นได้จากของการเปิดซื้อขายวันแรก (เทรด) ของ หุ้นไอพีโอหลายตัวราคาหุ้นทิ่มหัวลงตั้งแต่วินาทีแรกที่เปิดเทรด
*หุ้นเด่นวันนี้
- บมจ. เอส.ซี.แอล.มอเตอร์ พาร์ท ผู้จัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 1 พ.ย. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 385 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "SCL"
- บมจ. ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในธุรกิจที่ให้บริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนระหว่าง
- ITC (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 23.50 บาท คาดผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดแล้ว โดยคาดไตรมาส 4/66 จะเป็นจุดสูงสุดของปี จากการกลับมา Restocking ของลูกค้า และการได้ลูกค้า Global Brand รายใหม่ ผสานกับอัตราการทำกำไรที่คาดปรับขึ้น หลังต้นทุนวัตถุดิบลดลง ส่วนภาพปี 2567 คาดกำไรจะเติบโตเด่น +22%y-y สู่ระดับ 2,935 ล้านบาท จึงปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 23.5 บาท จาก 22 บาท
- CPN (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 79 บาท คาดกำไรปกติไตรมาส 3/2566 ที่สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 4.0 พันลบ. เพิ่มขึ้น 39% YoY และ 9% QoQ ธุรกิจหลักส่วนใหญ่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เรายังคงเชื่อว่า CPN จะสามารถทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่ในปี 2566 ที่ 14,014 ลบ. (เติบโต 30.24% YoY) จากแรงหนุนของจำนวนผู้เดินศูนย์การค้าที่เพิ่มขึ้น โรงแรมใหม่ และการโอนกรรมสิทธิ์ backlog ที่อยู่อาศัย ราคาหุ้นไม่แพง ซื้อขายบน P/E ปี 2024 ที่ 17.6x คิดเป็น -2 SD ของ PER ล่วงหน้า 12 เดือนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา