SSI บวก 1.98% คึกคัก โบรกฯเห็นพ้อง"ซื้อ"คาดผลประกอบการ Q2/51 โตเด่นอีก

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 2, 2008 10:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          หุ้น SSI ราคาวิ่งขึ้น 1.98% มาอยู่ที่ 1.03 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท มูลค่าซื้อขาย 11.08 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.08 น. โดยเปิดตลาดที่ 1.03 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1.04 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1.02 บาท 
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)แนะ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้น บมจ. สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI)ในแบบระมัดระวัง และชั่วคราว โดยคาดกำไรในไตรมาส 2/51 ที่โดดเด่นกว่าไตรมาสแรก จากต้นทุน Slab ราคาต่ำ และ ราคาหุ้น SSI นับว่าปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าหุ้นเหล็กอื่น ๆ แต่ในระยะยาวยังมีความเสี่ยงปัญหา Slab ราคาแพงกว่าเมื่อเทียบกับใช้เศษเหล็ก และมีความเสี่ยงที่ราคาเหล็กในครึ่งปีหลังจะปรับลดลง พร้อมคงประเมินราคาเหมาะสมเท่ากับ 1.2 บาท หรือ ซื้อขาย P/E กำไรปกติปีนี้เพียง 8 เท่า
บล.กรุงศรีอยุธยา แนะ"Trading"หุ้น SSI ให้ Fair Price 1.20 บาท/หุ้น จากประเด็นบวกราคาเหล็กที่ยังอยูภาวะขาขึ้นที่ คาดว่าจะหนุนให้ผลประกอบการ 2Q51 โดดเด่นจาก 1Q51 และราคาหุ้นที่ยัง Discount จาก Adjusted BV ที่ 1.2 บาท อยู่ 21% และเนื่องจากผลประกอบการ 1Q51 สูงกว่าประมาณทั้งปี 51
SSI รายงานกำไรสุทธิ 1Q51 ที่ 877 ล้านบาท (+688%YoY, +275%QoQ) โดยหากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 155 ล้านบาท และกำไรจากการ Write Back สำรองมูลค่าที่ลดลงของสินค้าคงคลังอีก 45 ล้านบาท พบว่ากำไรปกติ 1Q51 อยู่ที่ 677 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดดตามคาดในอัตรา 68%QoQ และดีขึ้นมากยิ่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ธุรกิจปกติมีผลขาดทุนอยู่ 164 ล้านบาท
ส่วนบล.โกลเบล็ก แนะ"ซื้อ"หุ้น SSI เป้าปี 51 ที่ 1.28 บาท/หุ้น เชื่อว่าราคาเหล็กจะยังเดินหน้าต่อในช่วงครึ่งแรกของปี 51 ซึ่งจะหนุนให้ผลประกอบการระยะสั้นยังโดดเด่น
แนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปี คาดกำไรจะยังคงโดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะสั้นช่วง 1-2 ไตรมาสหน้า เนื่องจากคาดราคาเหล็กจะยังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอดครึ่งแรกของปี 51 ขณะที่บริษัทมีสต็อกสินค้าคงเหลือราว 2 เดือน ซึ่งมีต้นทุนที่ต่ำ(ต้นทุน SLAB อยู่ที่ประมาณ $600/ตัน) ขณะที่สำหรับช่วงครึ่งปีหลังแม้คาดราคาเหล็กจะเริ่มทรงตัว และอัตรากำไรจะชะลอตัวลง แต่จากนโยบายการขายที่ระมัดระวัง กอปรกับคาดว่าความต้องการในประเทศจะเห็นการเติบโตชัดเจนเมื่อการลงทุนจากภาครัฐ โดยเฉพาะในส่วนของโครงการเมกะโปรเจคต์ เริ่มเดินหน้า
ดังนั้นคาดผลประกอบการโดยรวมจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งจากแนวโน้มราคาเหล็กที่พุ่งขึ้นมากกว่าที่คาด กอปรกับรายละเอียดข้อมูลทางด้านต้นทุนล่าสุด เราจึงปรับประมาณการปี 51 ขึ้น โดยประเมินยอดขายใหม่ที่ 36,302 ลบเพิ่มขึ้น 15%YoY และกำไรสุทธิที่ 2,287 ลบ.เพิ่มขึ้นจากเดิม 51% และคิดเป็นการเติบโต 140%YoY

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ