ก.ล.ต.เปิด "สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน" โทร 1207 กด 22 ผนึกพาร์ทเนอร์รับเบาะแสปิดเพจภายใน 48 ชม.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 6, 2023 11:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิด "สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน" สำหรับเป็นช่องทางในการรับแจ้งเบาะแสการหลอกลวงในตลาดทุนจากประชาชนได้โดยตรง พร้อมผนึกกำลังพันธมิตรในตลาดทุนร่วมแจ้งเบาะแส และประสานความร่วมมือกับศูนย์ AOC กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มุ่งเป้าเร่งปิดบัญชีม้า รวมทั้งผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ในการปิดกั้นเนื้อหาของมิจฉาชีพโดยเร็ว เพื่อช่วยเหลือประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพและป้องกันความเสียหายจากการถูกหลอกลวงลงทุน

จากสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งประชาชนได้รับประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการรับข้อมูลข่าวสารและการใช้งานเพื่อสื่อสาร ในขณะเดียวกันมีประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากการถูกหลอกให้ลงทุนผ่านรูปแบบและช่องทางใหม่ ๆ ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ก.ล.ต. พบว่า แนวโน้มของการหลอกลงทุนที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมิจฉาชีพมักใช้ช่องทางออนไลน์ เช่น โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางในการหลอกลวงประชาชนด้วยวิธีการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาชวนเชื่อให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่มีอยู่จริง ล่อลวงด้วยการเสนอผลตอบแทนที่สูงเกินจริง หรือการแอบอ้างใช้ภาพ และ/หรือชื่อ ของผู้บริหารของหน่วยงานในตลาดทุนมาชักชวนให้ลงทุน เป็นต้น

ก.ล.ต. จึงเปิดให้มีช่องทาง "สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน" เพื่อให้เป็นช่องทางในการรับแจ้งเบาะแสการหลอกลงทุนโดยตรง โทร 1207 กด 22 หรือแจ้งผ่านระบบรับแจ้งบนเว็บไซต์ ก.ล.ต. (www.sec.or.th/scamalert) หรืออีเมล scamalert@sec.or.th โดย ก.ล.ต. จะเร่งดำเนินการตรวจสอบเบาะแสที่ได้รับและแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปิดกั้นเนื้อหาหรือช่องทางการหลอกลงทุน โดยจะประสานกับ Meta (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม Facebook และ Instagram รวมทั้งประสาน LINE (ประเทศไทย) เพื่อปิดกั้นช่องทางของมิจฉาชีพในแพลตฟอร์มดังกล่าวโดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นกับประชาชน

ทั้งนี้ การเปิดช่องทาง "สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน" ก.ล.ต. ได้ดำเนินการต่อเนื่องจากการเข้าร่วมเป็นหนึ่งในหน่วยงานพันธมิตร ภายใต้โครงการร่วมมือ-จับปลอมหลอกลงทุน ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งมีจุดประสงค์ในการประสานความร่วมมือระหว่างกันเพื่อต่อต้านมิจฉาชีพ ผ่านการจัดทำและเผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์เตือนภัยหลอกลงทุนในช่องทางต่าง ๆ ของ ก.ล.ต. และสื่อมวลชน โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนช่วยประชาสัมพันธ์เตือนภัยด้วยดี รวมทั้งยังประสานความร่วมมือกับศูนย์ Anti Online Scam Operation Center (AOC) โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดิจิทัลฯ) อีกด้วย

นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ก.ล.ต. ตระหนักถึงปัญหาภัยกลโกงในตลาดทุน ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ประชาชนและผู้ลงทุน โดยที่ผ่านมาได้เสริมสร้างความรู้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นกลไกในการปกป้องตนเองจากมิจฉาชีพ ซึ่งถือเป็นภารกิจหนึ่งที่สำคัญของ ก.ล.ต. ด้านการคุ้มครองผู้ลงทุน พร้อมเดินหน้าเชิงรุกด้วยการเปิดช่องทาง "สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน" เพื่อให้ประชาชนและหน่วยงานพันธมิตรแจ้งเบาะแสโดยตรง โดย ก.ล.ต. จะประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไปโดยเร็ว เพื่อช่วยเหลือประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพและจำกัดความเสียหายไม่ให้กระจายออกไปสู่วงกว้าง

นางอำไพ จิตรแจ่มใส ผู้ช่วยปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า กระทรวงดิจิทัลฯ ได้เปิดตัวศูนย์ Anti Online Scam Operation Center หรือศูนย์ AOC เพื่อเป็นศูนย์ในการบูรณาการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์แบบครบวงจร เพื่อรองรับการให้บริการประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายที่จะปิดบัญชีม้า หรือ บัญชีเงินฝากที่คนร้ายใช้รับเงินให้ได้โดยไว เพื่อระงับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน และพร้อมให้ความร่วมมือในการบูรณาการการทำงานร่วมกันกับ ก.ล.ต.

นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า การเปิดช่องทาง "สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน" ของ ก.ล.ต. นั้น สอดรับกับการเปิดศูนย์ AOC 1441 ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้มีการบูรณาการในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ให้บริการแบบ one stop service แก่ประชาชน รวมทั้งให้คำปรึกษาแก่ประชาชนเกี่ยวกับภัยออนไลน์ โดยมีเป้าหมายในการระงับและอายัดบัญชีของคนร้ายให้ทันท่วงที รวมทั้งผู้เสียหายยังสามารถติดตามสถานะการแก้ไขปัญหาได้ในทุกขั้นตอน

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า การเปิดสายด่วนแจ้งหลอกลงทุนในครั้งนี้จะช่วยสะกัดกั้นการหลอกลวงประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีการบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งภาคธุรกิจในตลาดทุนพร้อมให้ความร่วมมือกับ ก.ล.ต. โดยจะร่วมแจ้งเบาะแสทันทีเมื่อพบการแอบอ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพและลดโอกาสที่จะเกิดความเสียหายจากการถูกหลอกลงทุน

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวในฐานะผู้ร่วมริเริ่มโครงการ "ร่วมมือ-จับปลอมหลอกลงทุน" กับพันธมิตรว่า ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ และพันธมิตรได้บูรณาการความร่วมมือในหลายด้าน รวมทั้งสื่อสารเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง การที่ ก.ล.ต. ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุน จัดให้มีสายด่วนแจ้งหลอกลงทุนจะเป็นช่องทางให้ประชาชน ผู้ลงทุน และองค์กรต่าง ๆ ร่วมกันแจ้งเบาะแสหลอกลงทุนในตลาดทุน เพื่อตัดวงจรการหลอกลวงของมิจฉาชีพเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นางสาวอิง ศิริกุลบดี ผู้จัดการฝ่ายนโยบายสาธารณะประจำ Facebook ประเทศไทยจาก Meta กล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Meta ได้ร่วมทำงานใกล้ชิดกับพันธมิตรหลายภาคส่วนและขยายกรอบความร่วมมืออย่างต่อเนื่องในหลาย ๆ เรื่องรวมถึงการรับมือปัญหาภัยหลอกลวงบนโลกออนไลน์ ทั้งทางด้านการรายงานเนื้อหาและการสร้างการตระหนักรู้และแคมเปญให้ความรู้เพื่อให้ผู้คนสามารถรู้เท่าทันกลลวง ในโอกาสนี้ เรามีความยินดีที่ได้เป็นพันธมิตรกับ ก.ล.ต. เพื่อร่วมกันรับมือกับปัญหาเร่งด่วนนี้ซึ่งเป็นปัญหาร่วมของอุตสาหกรรมและในสังคมยุคดิจิทัลปัจจุบัน

สำหรับสถิติการรับแจ้งเบาะแสจากประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ 1 มกราคม ? 31 ตุลาคม 2566 ก.ล.ต. ได้ดำเนินการเพื่อเป็นการป้องปรามอย่างต่อเนื่อง ดังนี้ (1) ขึ้นเตือนบนหน้าเว็บไซต์ ก.ล.ต. ในหัวข้อ Investor Alert เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบรายชื่อ จำนวน 265 ราย (2) ประสานศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย (Anti-Fake News Center Thailand) กระทรวงดิจิทัลฯ เพื่อออกข่าวแจ้งเตือนประชาชน จำนวน 90 กรณี (3) ด้านการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าพนักงานเกี่ยวกับการหลอกลงทุนที่แอบอ้างชื่อ/โลโก้ หรือภาพผู้บริหารของ ก.ล.ต. มีจำนวน 10 กรณี (4) การดำเนินการส่งเรื่องให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายภายใต้ พ.ร.ก. การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 กรณีอ้างผลตอบแทนสูง จำนวน 163 ราย และ (5) ดำเนินการส่งเรื่องให้กระทรวงดิจิทัลฯ พิจารณาดำเนินการ จำนวน 85 กรณี

ทั้งนี้ ก.ล.ต. ขอย้ำให้ประชาชนระมัดระวังเมื่อถูกชักชวนลงทุน หากมีข้อสงสัยว่าเป็นบุคคล ผลิตภัณฑ์ หรือบริษัทที่ได้รับอนุญาตหรือไม่ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ "สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน" เพื่อตรวจสอบข้อมูลและดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ยังตรวจสอบข้อมูลด้วยตัวเองได้ทันทีที่ www.sec.or.th/seccheckfirst หรือติดตั้งแอปพลิเคชัน SEC Check First หรือติดต่อสอบถามข้อมูลที่สายด่วนได้เช่นเดียวกัน เพื่อป้องกันความเสียหายจากการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพในการหลอกลวงลงทุนในตลาดทุน

*ปิดกั้นเนื้อหาหลอกลงทุนภายใน 48 ชม.หลังรับแจ้งเบาะแส

นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า การเปิดสายด่วนแจ้งหลอกลงทุนเป็นช่องทางใหม่ในการรับแจ้งเบาะแสการหลอกลวงในตลาดทุน เป็น One Stop Service ในการประสานงานปิดกั้นเนื้อหาหลอกลวงโดยเร็วภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งยกระดับการหลอกลวงการลงทุนเป็นวาระแห่งชาติ

สำนักงาน ก.ล.ต. มองว่าการหลอกลวงประชาชนเป็นอุปสรรคในการพัฒนาตลาดทุน ในการเป็นช่องทางการออมเงินหรือการลงทุน รวมทั้งการหลอกลวงการลงทุนยังสร้างความเสียหายให้กับประชาชนและความเชื่อมั่นในตลาดทุน บทบาทของสำนักงานก.ล.ต.คือการปิดกั้นการหลอกลวงอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพโดยการร่วมมือกับพันธมัตรทั้งภาครัฐและเอกชน

ก.ล.ต. จะเป็นศูนย์กลางในการประสานข้อมูลรับเบาะแสและส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ปิดกั้นเนื้อหาและช่องทางที่เป็นเท็จ ซึ่งมีการประสานกับ Meta (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม Facebook และ Instagram รวมทั้งประสาน LINE (ประเทศไทย) เพื่อปิดกั้นช่องทางและเนื้อหา ซึ่งในปัจจุบันใช้เวลาในการปิดกั้นเนื้อหาหรือช่องทางมิจฉาชีพในแพลตฟอร์มของ Meta อย่างช้า 48 ชั่วโมง ซึ่งในอนาคตก.ล.ต.คาดหวังว่าจะสามารถดำเนินการได้รวดเร็วมากขึ้น เพื่อให้ผู้เข้ามาแจ้งเบาแสได้รับความสะดวก รวดเร็ว และมีขึ้นตอนการแจ้งที่ชัดเจน

ทั้งนี้โครงการดังกล่าว ก.ล.ต. จะเป็นผู้ตรวจสอบทานข้อมูล ดังนั้นการดำเนินการอยู่ที่ระยะเวลาการสอบทานว่าเข้าเงื่อนไขข้อมูลเท็จหรือไม่ แล้วจึงส่งต่อไปที่หน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ ซึ่งในกรณีที่ตรวจพบช่องทางการกระทำผิดก.ล.ต.สามารถสั่งปิดได้โดยตรง โดยที่แพลตฟอร์มไม่ต้องมีการตรวจสอบอีก ทำให้การปิดกั้นเนื้อหาหลอกลวงมีความรวดเร็วมากขึ้น

"ถ้ามีผู้แจ้งเบาะแส หรือร้องเรียน ไม่ว่าจะเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องหรือกรณีที่ไม่เป็นธรรมต่าง ๆ เราก็เปิดเคสและมีการสอบดำเนินการเชิงลึก แล้วแต่เคสว่าจะยุติได้เร็วมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ก.ล.ต.ไม่ได้ละเลย หากใครมีเบาะแสก.ล.ต.มีกลไกในการทำงาน อาทิ สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน รวมทั้งศูนย์ที่ร้องเรียนและแจ้งเบาแส นั่นก็เป็นอีกช่อทางนึงที่ก.ล.ต.ดำเนินการอยู่"

นอกจากนี้ก.ล.ต. ผลักดันการให้ความรู้ทางการเงิน (Financial literacy) เป็นวาระแห่งชาติ โดยปัจจุบัน Financial literacy อยู่ในแผนการพัฒนาทั้งระดับชาติ และแผนพัฒนาตลาดทุน โดยก.ล.ต. จะมีการสื่อสารผ่านการออกบทความเพื่อให้ข้อมูลกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง หรือถ้ามีกรณีถูกหลอกลงทุนจะนำเอามาเผยแพร่ ผ่านช่องทางที่ประชาชนเข้าถึงง่าย ย่อยข้อมูลให้เข้าใจได้มากขึ้น และเผยแพร่ข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากกรณีหลอกลวงทุนในปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซับซ้อนชึ้น และมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น จึงจำเป็นต้องยกระดับความรู้ พัฒนาเครื่องมือต่าง ๆ ให้เท่าทันมิจฉาชีพ

จากการดำเนินงานโครงการต่าง ๆ เชื่อว่าสิ่งที่นักลงทุนจะได้เห็นคือการดำเนินการในลักษณะของการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนและประชาชนมากยิ่งขึ้น ดังจะเห็นจากในข่าวที่ผ่านมาที่ก.ล.ต. ได้มีการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ ซึ่งเป็นการบูรณาการร่วมกัน

"อย่างไรก็ตามก็ยังมีกรณีอื่นที่ทำให้นักลงทุนคลางแคลงใจ จึงใช้โอกาสนี้ในการสร้างความมั่นใจว่าสำนักงานก.ล.ต. อยู่เคียงข้างและติดตามทุกสถานการณ์ ถ้ามีประเด็นอะไรที่เราสื่อสารได้ก็จะสื่อสารและจะให้ความมั่นใจ ในกรณีที่เกิดขึ้นกับบริษัทจดทะเบียนในปัจจุบันให้มีความชัดเจนมากขึ้น" นางพรอนงค์ กล่าว

https://youtu.be/glbffm9RasY


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ