หุ้น SAT ราคาวิ่งขึ้น 3.45% มาอยู่ที่ 15.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 15.30 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.11 น. โดยเปิดตลาดที่ 14.70 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 15.00 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 14.70 บาท
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย พลัส แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ. สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี (SAT)คาด งวด 1Q51 จะมี Norm Profit ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องเท่ากับ 172.8 ล้านบาท ขยายตัว 32.6% yoy เกิดจากยอดขายที่ยังคงเติบโต 20.5% yoy หรือ อยู่ที่ 1.4 ล้านบาท โดยหลักมาจากออเดอร์ของกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
แนวโน้ม 2Q51 คาดว่าจะยังมีกำไรเติบโตโดดเด่น จาก 2Q50 ที่มีฐาน Norm Profit ต่ำ 125.9 ล้านบาท โดยแรงขับเคลื่อนหลักคงมาจากยอดขาย ซึ่งขยายตัวตามการส่งออก และตลาดในประเทศ ขณะที่ Gross Margin แม้จะต้องเผชิญกับแรงกดดันจากต้นทุนราคาเหล็กต่อเนื่อง และมีโอกาสปรับลดลงจาก 1Q51 แต่ก็คาดว่าจะรักษาฐานได้มากกว่า 2Q50 ระดับ 21.2% กำหนด Fair Value อิง 10 เท่า มูลค่าพื้นฐานปี 2551 อยู่ที่ 20.8 บาท
นอกจากนี้ระยะยาว เชื่อว่ายังมีทิศทางเติบโตต่อเนื่องจากกลุ่มลูกค้าใหม่ (ประเทศเกาหลี และ แอฟริกาใต้) ที่กำลังเจรจาอยู่ รวมถึงโครงการอีโคคาร์ ที่จะมาเพิ่มยอดออเดอร์ใหม่ในอนาคต
ด้านบล.เคจีไอ(ประเทศไทย)แนะ"ซื้อ"หุ้น SAT เป็นบริษัทฯ ที่มีความน่าสนใจมากที่สุดบริษัทหนึ่งในกลุ่มยานยนต์ เนื่องจากบริษัทฯมีการขยายตัวของกำไรที่ดีและมีความสามารถในการรักษาระดับอัตรากำไรในระดับสูงในท่ามกลางสภาวะราคาเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้น จากการส่งผ่านภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นให้กับลูกค้าด้วยการปรับราคาขาย พร้อมให้ราคาเป้าหมายที่ 19.30 บาท
ทั้งนี้ คาดว่า SAT จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/51 ที่ 172 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.7% YoY และ 2.1% QoQ ตัวเลขดีขึ้น YoY เกิดจากการขยายตัวของยอดขายที่ดีตามคำสั่งผลิตที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และอัตรากำไรขั้นต้นที่อยู่ในระดับสูง ในขณะที่ตัวเลขเพิ่มขึ้น QoQ เกิดจากค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารที่ลดลง เนื่องจากบริษัทฯ ไม่มีค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมวิศวกรและค่าใช้จ่ายโบนัสเหมือนในไตรมาส 4/50 ที่ผ่านมา
เนื่องจากบริษัทฯ ยังคงมีปริมาณสต๊อกเหล็กเพียงพอต่อการผลิตตามคำสั่งผลิตในครึ่งปีแรก ทำให้คาดว่าความสามารถในการทำกำไรของ SAT จะยังคงไม่ถูกกระทบมากจากราคาเหล็กที่สูงขึ้น และจะยังคงสามารถรักษาอัตรากำไรที่สูงไว้ได้ตลอดครึ่งแรกของปี 51 แต่มีความกังวลในผลประกอบการในครึ่งหลังของปี 51 จากการที่บริษัทฯต้องซื้อเหล็กใหม่ในราคาที่สูงขึ้น เมื่อปริมาณสต๊อกเหล็กหมดไป อย่างไรก็ดีเชื่อว่า SAT จะสามารถควบคุมอัตรากำไรได้โดยการเร่งปรับราคาขายจากทุก 6 เดือนเป็นทุก 3 เดือนเพื่อรองรับปัญหาต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มได้อย่างทันท่วงที
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--