บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เก็งแจ้งไตรมาส 3/66 วันที่ 8 พ.ย.ลุ้นพลิกกำไรหลังขาดทุนหนักในไตรมาส 2/66 (q-q) และช่วงเดียวกันของปีก่อน (y-y) รับปัจจัยบวก อานิสงส์ค่าการกลั่นและธุรกิจปิโตรเคมีฟื้นตัว รวมถึงราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นดันกำไรสต็อกน้ำมัน (Stock gain)
ราคาหุ้น PTTGC ปิดตลาดวานนี้ปรับขึ้น 2.04% หรือเพิ่มขึ้น 0.75 บาท มาที่ 37.50 บาท
นายศรชัย พิทยาพฤกษ์ นักวิเคราะห์อาวุโส กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี บล.กรุงศรี พัฒนสิน มอง Positive งบไตรมาส 3/66 ของ PTTGC คาดว่ากำไรสุทธิที่ 875 ล้านบาท หากตัด Fx loss ออก จะมีกำไรปกติอยู่ที่ 1,761 ล้านบาท พลิกกำไร y-y และ q-q สูงกว่าที่เคยประเมินไว้ เพราะ Stock gain และกำไรของธุรกิจปิโตรเคมีดีกว่าคาด โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์พลอยได้ หรือ by product
การฟื้นตัว y-y หลักๆ มาจากไม่มี Stock loss ก้อนใหญ่ -10,219 ล้านบาท มาฉุดเหมือนไตรมาส 3/65 ส่วนการฟื้นตัว q-q ได้ธุรกิจโรงกลั่น จากค่าการกลั่นฟื้น จาก Supply ที่ตึงตัว ทำให้สเปรด (Spread) ดีดตัวขึ้น และมี Stock gain มาหนุน รวมถึงธุรกิจปิโตรเคมีทรงตัวได้ โดยเริ่มเห็นการทรงตัวได้ของ allnex ตามการฟื้นตัวของฝั่งยุโรป
สำหรับไตรมาส 4/66 คาดจะยังทำกำไรได้ต่อเนื่อง แม้ไม่มี Stock gain และค่าการกลั่นย่อตัวลงเล็กน้อย เพราะโรงกลั่นที่ปิดซ่อมบำรุงนอกแผนกลับมาเดินเครื่องกันหมดแล้ว และด้วยธุรกิจปิโตรเคมีที่ดีขึ้นจากความต้องการใช้ของจีนและยุโรป จะช่วยชดเชยได้ด้วย ทำให้คาดว่ากำไรจะทรงตัว q-q
แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายที่ 52 บาท หากผู้ลงทุนรับความเสี่ยงด้าน regulatory ที่ยังไม่ชัดเจน และการฟื้นตัวของ allnex ที่ล่าช้าได้ สามารถซื้อลงทุนระยะยาว รับแนวโน้มธุรกิจทยอยฟื้นตัวตั้งแต่ครึ่งปีหลังนี้ไปจนถึงปี 67 จากธุรกิจโรงกลั่นหนุน และปิโตรเคมี oversupply ฉุดน้อยลง
นายปรินทร์ นิกรกิตติโกศล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำ "ซื้อ" หุ้น PTTGC เมื่อราคาอ่อนตัวเพื่อลงทุนในระยะยาว หลังราคาหุ้นปัจจุบันขึ้นมาใกล้กับเป้าหมาย 40 บาทแล้ว แต่จาก Valuation อ้างอิง PBV ที่ 0.6 เท่า มีส่วนลด -2.0 SD จากค่าเฉลี่ย 10 ปี ทำให้ราคายังไม่แพง
ขณะที่คาดผลประกอบการไตรมาส 3/66 จะฟื้นตัวพลิกมาเป็นกำไรสุทธิที่ 1.2 พันล้านบาท จากขาดทุน 5.6 พันล้านบาทในไตรมาส 2/66 และขาดทุน 1.3 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 3/65 โดยการฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้าสาเหตุหลักมาจากธุรกิจโรงกลั่นโดดเด่น ประเมินค่าการกลั่นจะทำได้ 12 เหรียญ/บาร์เรล (+111% QoQ) หนุนด้วยการพุ่งขึ้นของ Crack Spread น้ำมันดีเซล, ธุรกิจปิโตรเคมีฟื้นตัว QoQ จากปริมาณขายหลังโรงงานโอเลฟินส์ขั้นต้น และ MEG ผ่านช่วงหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ในครึ่งปีแรกมาแล้ว, อานิสงส์บวกจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ ทำให้คาดว่าจะมีกำไรสต็อกน้ำมันสูง 3.9 พันล้านบาท (เทียบกับขาดทุน 2.7 พันล้านบาทในไตรมาส 2/66 และ 8.1 พันล้านบาทในไตรมาส 3/65)
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มไตรมาส 4/66 ยังเป็นช่วงท้าทายของ PTTGC เนื่องจากธุรกิจโรงกลั่นจะชะลอลงตามทิศทางค่าการกลั่นกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้ผลบวกตรงนี้หายไป และธุรกิจปิโตรเคมียังไม่เห็นการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังอ่อนแอ และความไม่แน่นอนในตะวันออกกลาง
อีกทั้งบริษัทฯ มีแผนหยุดซ่อมบำรุงโรงงานจำนวนมาก ทั้งโอเลฟินส์ขั้นต้น, Polymer, ปิโตรเคมีชนิดพิเศษ ส่งผลให้ประเมินว่าอัตราใช้กำลังผลิตโอเลฟินส์ต้นน้ำ และ Polymer จะลดลงเหลือราว 80% และ 95% ตามลำดับ (เทียบกับช่วงไตรมาส 3/66 ระดับ 105-110%) และสัดส่วนการใช้วัตถุดิบ Ethane ยังทำได้เพียงประคองตัว QoQ เนื่องจากการเร่งผลิตก๊าซของโครงการเอราวัณเกิดปัญหาเกี่ยวกับเรือติดตั้งแท่นผลิต ส่งผลให้วอลุ่มฝั่งปิโตรเคมีลดลง และมาร์จิ้นฟื้นตัวได้ไม่มาก
ประเมินกำไรสุทธิทั้งปีของ PTTGC จะขาดทุนสุทธิราว 4.7 พันล้านบาท ลดลงจากปีก่อนขาดทุนสุทธิที่ 8.75 พันล้านบาท ก่อนจะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิในปี 67 ที่ 6.7 พันล้านบาท จากธุรกิจปิโตรเคมีเริ่มดีขึ้น จากสเปรดฟื้นตัวตามเศรษฐกิจจีนที่เติบโตขึ้น รวมถึงซัพพลายเกิดใหม่น้อยกว่าปีนี้ และวัตถุดิบจากก๊าซฯ ดีขึ้น ส่งผลดีต่อมาร์จิ้น
ธุรกิจโรงกลั่นกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จากปีนี้เติบโตกว่าปกติ เนื่องด้วยในไตรมาส 3/66 โรงกลั่นทั่วโลกมีการปิดซ่อมบำรุงทั้งตามแผนและนอกแผน ทำให้ซัพพลายตึงตัว หนุนค่าการกลั่นปรับตัวขึ้น ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) กรุงศรี พัฒนสิน ซื้อ 52.00 หยวนต้า ซื้อเมื่ออ่อนตัว 40.00 ทรีนีตี้ ซื้อเก็งกำไร 39.00 พาย ซื้อ 38.75