นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/66 ตามงบการเงินรวมมูลค่ายุติธรรม มีรายได้รวมกว่า 4,666 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และมีกำไรสุทธิ 1,136 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 1,026 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่งแม้อยู่ในช่วงโลว์ซีซั่น รวม 9 เดือนแรกกำไรสุทธิ 3,746 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงกว่าช่วงเดียวกันก่อนสถานการณ์โควิด-19 ในปี 62
และตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาสามารถผลักดันศักยภาพของทรัพย์สิน Ramp Up สู่ระดับดำเนินงานปกติ มูลค่ากว่า 12,500 ล้านบาท สร้างผลตอบแทนกระแสเงินสดสูงถึง 10.2% (EBITDA Yield) ทั้งนี้ในไตรมาส 3/66 บริษัทมีทรัพย์สินดำเนินงานที่สามารถสร้างรายได้อยู่ที่กว่า 85% รวมมูลค่า 125,758 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 52% เทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 ในปี 62 โดยสะท้อนศักยภาพการดำเนินงานตามกลยุทธ์ GROWTH-LED Strategy โดยสามารถเปิดตัวโรงแรมและห้องอาหารหลากหลายแห่งในไตรมาส 3 รวมมูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท
"ผลการดำเนินงานใน 9 เดือนแรกตามงบการเงินของปี 66 AWC มีการเติบโตต่อเนื่องในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA กลุ่มธุรกิจ) ที่ 7,990 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.9% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY) ซึ่งเป็นผลมาจากกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการที่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมในกรุงเทพฯ และโรงแรมอื่นๆ นอกกรุงเทพฯ ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าพักโรงแรมในเครือ AWC เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตรารายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) ใน 9 เดือนแรกของปี สูงถึง 3,619 บาท เพิ่มขึ้น 87.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)
สำหรับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail, Wholesale and Commercial) AWC ได้ปรับกลยุทธ์ในการเพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันให้กับโครงการในพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง พร้อมตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าและนักท่องเที่ยวในยุคปัจจุบัน เพื่อเสริมศักยภาพการเติบโตของกระแสเงินสดในระยะยาว"
กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) ในไตรมาส 3/66 ผลการดำเนินงานตามงบการเงินของมีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) อยู่ที่ 692 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตราการเปรียบเทียบราคาห้องพักและอัตราการเข้าพัก (RGI) ในภาพรวมสูงกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับโรงแรมในกลุ่มเดียวกันที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ โรงแรม Courtyard by Marriott Phuket Town มีค่า RGI เท่ากับ 254 และโรงแรม Bangkok Marriott Hotel The Surawongse เท่ากับ 218 เป็นต้น
นอกจากนี้ AWC ยังมุ่งเสริมความแข็งแกร่งพอร์ตโฟลิโอกลุ่มโรงแรมที่ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ เสริมศักยภาพด้วยการพัฒนาโครงการคุณภาพในพอร์ตโฟลิโอ พร้อมร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรระดับโลก เพื่อสนับสนุนการเติบโตของทรัพย์สินดำเนินงานในการสร้างกำไรจากการดำเนินงาน (EBTDA กลุ่มธุรกิจ) อย่างต่อเนื่อง
AWC มุ่งพัฒนาทรัพย์สินคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ผ่านการเปิดตัวโรงแรมและห้องอาหารชั้นนำระดับโลกมากมาย เพื่อรองรับความต้องการของตลาด พร้อมมอบประสบการณ์การท่องเที่ยว การบริการด้านอาหารและเครื่องดื่มที่พิเศษให้กับลูกค้า ส่งเสริมประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก
ในไตรมาสที่ 3 นี้ AWC มีจำนวนห้องพักรวม 6,034 ห้อง เพิ่มขึ้น 76% เทียบกับก่อนโควิด-19 ในปี 62 จากการเปิดดำเนินงานหลายโครงการ อาทิ การเปิดโรงแรม INNSiDE by Meliá Bangkok Sukhumvit ที่ออกแบบและก่อสร้างตามกรอบการรับรองของมาตรฐานอาคาร Excellence in Design for Greater Efficiency (EDGE) การเปิดโรงแรม InterContinental Chiang Mai The Mae Ping ซึ่งเป็นโรงแรมระดับลักซ์ชัวรี่ภายใต้แบรนด์ InterContinental แห่งแรกของภาคเหนือ และ การเปิด Chiang Mai Marriott Hotel โรงแรมแบรนด์ Marriott แห่งแรกของภาคเหนือ ที่มีพื้นที่เพื่อรองรับการจัดงานประชุม MICE ระดับลักซ์ชัวรี่ที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่
กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail, Wholesale and Commercial) ในธุรกิจค้าปลีก (Retail) ในไตรมาส 3/66 มี EBITDA ตามงบการเงินอยู่ที่ 963 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับปรุงพัฒนาศูนย์การค้าให้เข้ากับกลยุทธ์การตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะศูนย์การค้าเพื่อการท่องเที่ยว อาทิ โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ที่ได้ปรับกลยุทธ์การตลาดสู่การเป็นรีเทล-เทนเม้นท์ริมแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งช่วยให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการเพิ่มสูงขึ้น
สำหรับธุรกิจค้าส่ง (Wholesale) AWC ได้ร่วมมือกับ "Koelnmesse" ผู้จัดงานแสดงสินค้าชั้นนำระดับโลกจากเมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี ร่วมยกระดับอุตสาหกรรมการค้าส่งไทย สร้างเครือข่ายระดับโลกเพื่อเชื่อมโยงพันธมิตร ผู้ซื้อ และผู้ขายผ่านฐานเครือข่ายของ AWC และ Koelnmesse สนับสนุนประเทศไทยสู่ศูนย์กลางการสรรหาสินค้า (International Sourcing Hub) ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในระดับภูมิภาค
กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงาน (Commercial) ยังคงเป็นธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดให้แก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3/66 มีอัตราค่าเช่าเพิ่มสูงขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากกลยุทธ์การยกระดับอาคารสำนักงานให้เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับองค์กรและคนทำงานรุ่นใหม่ทั่วโลก (Global Workforce Destination) อาทิ การเปิดตัว "Co-Living Collective: Empower Future" ของอาคาร ?เอ็มไพร์? ไลฟ์สไตล์สเปซแห่งใหม่ที่รองรับเทรนด์อนาคตในการผสมผสานการทำงานและการใช้ชีวิตเข้าด้วยกัน รวมถึงการได้ต้อนรับ 2C2P บริษัทผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการชำระเงินระดับโลก เปิดสำนักงานแห่งใหม่ที่อาคาร ?เอ็มไพร์? พร้อมร่วมขับเคลื่อนดิจิทัลอีโคซิสเต็มในอาคาร เชื่อมต่อผู้เช่าและพนักงานของบริษัทชั้นนำเข้าด้วยกัน ตอกย้ำอาคารสำนักงานรูปแบบใหม่ที่ผสานการทำงานและไลฟ์สไตล์อย่างลงตัวที่แท้จริง