สภาองค์กรผู้บริโภค โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า สภาผู้บริโภคยืนยันคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ต้องยุติการดำเนินการควบรวมบริการอินเทอร์เน็ตระหว่าง บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ AIS และบมจ.ทริปเปิลที บรอดแบนด์ (3BB) เพราะจะทำให้ราคาแพงขึ้นราว 9.5 - 22.9% หาก กสทช. ยังปฎิเสธอำนาจตนเองในการยับยั้งการควบรวมครั้งนี้ สภาผู้บริโภคจะขอให้ กสทช. ลาออกและยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที
เนื่องจากการศึกษาของ 101 Policy Research ร่วมกับสภาผู้บริโภค จะเห็นได้ว่า ผลกระทบต่อผู้บริโภคที่จะเกิดขึ้นจากการควบรวมระหว่าง AIS และ 3BB อย่างกว้างขวาง เช่น
(1) จะกระทบต่อผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบ้านแตกต่างกันตามพื้นที่ ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายแพงขึ้นระหว่าง 9.5% - 22.9% ในพื้นที่ที่ทั้งสองรายแข่งขันทับซ้อนกันและมีคู่แข่งน้อย
(2) ผู้ให้บริการโทรคมนาคมมีแนวโน้มพ่วงบริการอินเทอร์เน็ตบ้านกับโทรศัพท์มือถือมากขึ้น ซึ่งจะเหลือค่ายโทรศัพท์มือถือ 2 ค่ายใหญ่ที่มีศักยภาพ คู่แข่งรายอื่นตลาดอินเทอร์เน็ตบ้านจะแข่งขันได้น้อยลง ในอนาคต ตลาดอินเทอร์เน็ตบ้านอาจเหลือผู้เล่นหลัก 2 รายตามค่ายโทรศัพท์มือถือ
(3) กสทช. ต้องกำกับให้ตลาดอินเทอร์เน็ตบ้านและโทรศัพท์มือถือแข่งขันแยกกัน โดยมีบริการแยกเดี่ยวที่เป็นทางเลือกได้จริงสำหรับผู้บริโภค และส่งเสริมให้มีการแข่งขันในตลาดอินเทอร์เน็ตบ้านในทุกพื้นที่
สภาผู้บริโภค จึงขอให้ กสทช. พิจารณาและใช้อำนาจของคณะกรรมการในการพิจารณาเรื่องนี้ โดยไม่อนุญาตให้ถือครองธุรกิจประเภทเดียวกันหรือไม่อนุญาตให้เกิดการควบรวมในครั้งนี้
ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วจากการควบรวมธุรกิจประเภทเดียวกันของบมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) หรือดีแทค พบว่า บริษัทใหม่ที่เกิดหลังการควบรวม คือ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ฉวยโอกาสเปลี่ยนแปลงแพ็กเกจให้ผู้บริโภคโดยไม่สมัครใจ ทำให้ราคาแพงขึ้นรายละ 100 บาท สร้างภาระให้ผู้บริโภคต้องร้องเรียนโดยไม่มีความจำเป็น มีการลดคุณภาพระบบอินเทอร์เน็ตลงจนเป็นปัญหาการใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ส่งไลน์และข้อมูล มีปัญหาการใช้งานด้านโทรศัพท์เกิดอาการติด ๆ ดับ ๆ เป็นต้น
นอกจากนี้ ตามที่ นพ.สรณ บุญใบชัยพฤษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้จัดแถลงข่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้อ้างว่าตนเองไม่มีอำนาจในการอนุญาตให้ควบรวมบริการอินเตอร์เน็ตระหว่างบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด หรือ AWN (บริษัทย่อยของ ADVANC) กับ 3BB นั้น สภาผู้บริโภคเห็นว่าเป็นการชี้นำ แสดงความไม่เป็นกลางของประธาน กสทช. ในกรณีดังกล่าว เสมือนหนึ่งว่าการพิจารณานี้ ประธานเป็นผู้มีอำนาจเต็มในการตัดสินมิใช่องค์คณะกรรมการกสทช. ซึ่งมีกรรมการทั้งสิ้น 7 คน (รวมประธาน)
การแสดงทีท่าดังกล่าวนี้ขัดแย้งกับความเห็นนักวิชาการด้านกฎหมาย นักการเมือง นักวิชาการจากสถาบันทีดีอาร์ไอ และองค์กรของผู้บริโภค ที่มีความเห็นสอดคล้องกันว่าเป็นอำนาจของคณะกรรมการกสทช. ทั้งคณะ มิใช่อำนาจของประธานกสทช.เพียงคนเดียว ในการพิจารณาเรื่องการถือครองธุรกิจประเภทเดียวกันหรือการควบรวม และบริษัทที่แสดงความจำนงที่จะควบรวมก็ขอให้ กสทช. เป็นผู้พิจารณาการควบรวมดังกล่าว
จะเห็นได้ว่า หากประธานลุแก่อำนาจพิจารณาว่ากสทช.ไม่มีอำนาจอนุญาต ทำได้แค่รับทราบ จะเป็นการกระทำที่ซ้ำรอยในการสร้างความเสียหายให้แก่ผู้บริโภคเป็นครั้งที่สองหลังจากครั้งแรกได้มีการรวบรัดสรุปมติ รับทราบ ในการควบรวมค่ายมือถือยักษ์สองค่ายคือ ทรู และ ดีแทค ในเดือนตุลาคม 2565 ที่ภายหลังได้ปรากฏผลความเสียต่อผู้บริโภคอย่างเป็นที่ประจักษ์
การแสดงออกที่เป็นการชี้นำ และไม่กลางของประธานเท่ากับเป็นการเปิดทางให้เกิดการผูกขาดมากขึ้นในกิจการโทรคมนาคม สร้างการเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างยากที่จะแก้ไขได้ หาก กสทช. ปฎิเสธการทำหน้าที่กำกับกิจการโทรคมนาคม สภาผู้บริโภคขอเรียกร้องให้ท่านยุติการทำหน้าที่ และลาออกจากตำแหน่งโดยทันที