นายลือชัย สุดสาคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (TPN) เปิดเผยว่า โครงการระบบท่อขนส่งน้ำมัน เส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากสถานีคลังเก็บน้ำมันที่สระบุรีถึงสถานีคลังเก็บน้ำมันที่ขอนแก่น รวมระยะทาง 342 กิโลเมตร ที่ได้เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบไปเมื่อเดือนต.ค.66 ที่ผ่านมา ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (TPN) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบมจ.เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี (PSTC) และบมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าบริษัทค้าปลีกน้ำมันชั้นนำของประเทศที่มาใช้บริการเป็นจำนวนมาก และยังถือเป็นธุรกิจที่ช่วยรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อม ให้ประโยชน์ในหลากหลายมิติอีกด้วย
"โครงการขยายระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นการลงทุนที่เกิดประโยชน์กับบริษัทฯ และประเทศไทยอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว เนื่องจากระบบขนส่งน้ำมันทางท่อนั้นจะมีความเหมาะสมที่สุดเมื่อเทียบกับวิธีการขนส่งแบบอื่นๆ เพราะใช้ระยะเวลาในการขนส่งสั้นที่สุด โดยท่อเพียงท่อเดียวสามารถขนส่งน้ำมันได้หลายประเภท ช่วยลดต้นทุนการใช้พลังงานการเดินรถขนส่ง และการบำรุงรักษารถ ประหยัดเวลาในการขน สามารถส่งได้ทุกสภาพภูมิอากาศ โดยไม่จำกัดเวลาและปริมาณ มีความปลอดภัยสูงจากการสูญหายหรือลักขโมย กำหนดเวลาการขนส่งได้แน่นอนชัดเจน ประหยัดแรงงาน ช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดและอุบัติเหตุจากการขนส่งทางถนน" นายลือชัย กล่าว
รวมทั้งยังเป็นการให้ประโยชน์ทางอ้อมแก่สิ่งแวดล้อม โดยลดการปล่อยมลพิษ ซึ่งบริษัทฯถือว่าไปตามนโยบายขององค์กรที่ว่าด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมก่อให้เกิดความปลอดภัย อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดโอกาสทางธุรกิจขยายโครงข่ายพลังงานสู่อาเซียนต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัทน้ำมันชั้นนำต่าง ๆ ได้เริ่มเข้าใช้บริการจ่ายน้ำมันผ่านระบบท่อของโครงการฯ แทนการขนส่งจากรถบรรทุกน้ำมันแล้ว ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่ต่ำกว่า 80,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี หรือเปรียบเทียบได้กับการปลูกป่ามากถึง 67,000 ไร่ และช่วยลดอุบัติเหตุจากการขนส่งน้ำมันด้วยรถบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังตั้งเป้าหมายปี 66 จะเป็นปีที่มีการเติบโตดีขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ พร้อมผลักดันนโยบาย Total Energy Solution ให้กับลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม รวมถึงการเป็นผู้นำในการให้บริการ ทางด้านธุรกิจพลังงานอย่างครบวงจร
"ระบบขนส่งน้ำมันทางท่อถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน จากการเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recuring Income) ให้กับกลุ่ม PSTC เพราะนอกจากจะช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพและความยืดหยุ่นในการจัดส่งน้ำมันไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้กับผู้ใช้บริการท่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังตอบโจทย์การมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ของบริษัทน้ำมันชั้นนำทั่วประเทศ ที่มีโรดแมปมุ่งสู่การให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ สอดคล้องกับพันธกิจองค์กร PSTC ที่มุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมธุรกิจอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับสิ่งแวดล้อมและสังคม" นายลือชัย กล่าว