บมจ.ไทย โคโคนัท (COCOCO) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 ได้มีมติอนุมัติการลงทุนโครงการขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มน้ำผลไม้ และ/หรือเครื่องดื่มน้ำผลไม้ประเภทอัดแก๊ส บรรจุขวด PET โดยกำหนดมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 650 ล้านบาท
นายวรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร COCOCO กล่าวว่า บริษัทคาดรายได้ปีนี้เติบโต 30% จากปีก่อน โดยเป็นไปตามทิศทางของคำสั่งซื้อที่เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ นำโดย กะทิกระป๋อง กะทิพาสเจอร์ไรซ์ น้ำมะพร้าว น้ำมะพร้าวบรรจุกระป๋อง น้ำมะพร้าวพาสเจอร์ไรซ์ ขนมมะพร้าว และอาหารสำเร็จรูป ภายใต้ตราสินค้า Thaicoco และ Cocoburi
ประกอบกับได้รับปัจจัยสนับสนุนจากประเทศจีน โดยเฉพาะออเดอร์จากผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าว นอกจากนี้ กลุ่มประเทศอื่นๆ ยังมีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยฐานลูกค้าของ COCOCO มาจากต่างประเทศ 90 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมในกลุ่มประเทศอเมริกาเหนือและใต้, กลุ่มประเทศยุโรป, กลุ่มประเทศเอเชีย-แปซิฟิก, กลุ่มประเทศเอเชียใต้, กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง, กลุ่มประเทศโอเชียเนีย และกลุ่มประเทศแอฟริกา
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 66 (1 ม.ค. -30 ก.ย.66) มีกำไรสุทธิเท่ากับ 350.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.92% เป็นผลมาจากรายได้จากการขายของบริษัทเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ สามารถขยายตลาดไปยังประเทศจีนได้เพิ่มขึ้น จากการจำหน่ายสินค้าประเภทน้ำมะพร้าวไปยังประเทศจีน ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า COCOCO ถือเป็น ผู้นำ ด้านกะทิ และน้ำมะพร้าวรายใหญ่ของเมืองไทย และยังอยู่ในธุรกิจเมกะเทรนด์สุขภาพทั่วโลกที่มีศักยภาพการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน
สำหรับงวด 9 เดือนแรกปี 66 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการเท่ากับ 3,258.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.26% เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลมาจากรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวไปยังประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำมะพร้าวและอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งในประเทศและต่างประเทศเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน
"ผลงาน 9 เดือนแรกของปี 66 COCOCO มีอัตรากำไรขั้นต้นของรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นเป็น 26.01% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นของรายได้จากการขายเท่ากับ 23.90% เนื่องจากบริษัทมีการจำหน่ายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับ ความโดดเด่นของธุรกิจให้บริการรับจ้างผลิตสินค้าประเภทน้ำมะพร้าว ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นของการให้บริการเท่ากับ 35.21% เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นผลมาจากรายได้จากการให้บริการที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิด Economy of scale และยังคงมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องในอนาคต" นายวรวัฒน์ กล่าว
นางสาวพัฒรา ทัศจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและสารสนเทศ COCOCO กล่าวว่า งวด 9 เดือนแรก บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนของบริษัทได้ดี โดยต้นทุนขายและบริการมีสัดส่วนลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจาก 76.29% เป็น 73.95% ของรายได้จากขายและการให้บริการ โดยปัจจัยหลักมาจากการบริหารจัดการต้นทุนด้านวัตถุดิบที่ดีขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า และจากการควบคุมกระบวนการผลิตและการปรับเทคนิคการผลิตของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทใช้ต้นทุนวัตถุดิบและวัสดุใช้ไปในสัดส่วนลดลงเมื่อเทียบกับรายได้ที่เกิดขึ้น
"ปัจจุบัน COCOCO ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวรายใหญ่รายหนึ่งในประเทศไทย โดยนำน้ำมะพร้าวมาปรุงแต่งตามสูตรที่บริษัทคิดค้นและพัฒนาเองหรือตามสูตรของลูกค้าหรือสูตรที่พัฒนาร่วมกับลูกค้า ทั้งนี้ น้ำมะพร้าว ถือเป็นเครื่องดื่มจากธรรมชาติที่อุดมไปด้วยสารอาหารวิตามินและแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายครบถ้วน ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่นได้ทันทีและปลอดภัย 100% อีกทั้ง มะพร้าวของไทยมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ด้วยความโดดเด่นของน้ำมะพร้าวไทย คือ ความอร่อยและหอมหวานเป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนมะพร้าวพันธุ์ใดในโลก" นางสาวพัฒรา กล่าว
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจมากว่า 15 ปี COCOCO ได้มุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจให้เจริญเติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมกับให้ความสำคัญในการวางรากฐานและพัฒนาระบบต่างๆ สอดคล้องกับตัวเลขผลการดำเนินงานที่มีทิศทางการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งภายหลังการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้นำไปลงทุนตามแผนไอพีโอที่แจ้งไว้ อาทิ การเดินหน้าขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว (COCOCO) มูลค่า 600 ล้านบาท โดยปัจจุบันเครื่องจักรใหม่เข้ามาถึงโรงงานที่จังหวัดราชบุรีแล้ว เมื่อกลางเดือนก.ย.66 ที่ผ่านมา โดยจะเข้ามาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมะพร้าวบรรจุกล่อง ขนาดบรรจุ 330 ml.
นอกจากนี้ บริษัทฯ เพิ่มเติมแผนการลงทุนในโครงการขยายกำลังการผลิตมากกว่าแผนเดิมที่เคยวางไว้ เนื่องจากรองรับปริมาณความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวของกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น โดยบริษัทฯ ได้ขยายกำลังการผลิตน้ำมะพร้าวบรรจุเครื่อง UHT PRISMA โดยกำหนดมูลค่าการลงทุนประมาณ 384.70 ล้านบาท เพื่อรองรับปริมาณความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวของกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นโดยภายหลังการเข้าลงทุนขยายกำลังการผลิตนั้น จะทำให้กำลังการผลิตสูงสุดน้ำมะพร้าวของบริษัทเพิ่มขึ้นจากเดิม 218,000 ตันต่อปี เป็น 310,000 ตันต่อปี โดยคาดว่าจะมีรายได้เชิงพาณิชย์ภายในไตรมาสที่ 1/67