โบรกเกอร์ ต่างเทใจแนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.ไทยคม (THCOM)จากผลประกอบการที่จะฟื้นตัวในปีนี้ คาดว่าจะขาดทุนลดลง หรืออาจมีกำไร จากปีก่อนที่ขาดทุนจากการดำเนินงานถึง 1,182 ล้านบาท เป็นเพราะความสามารถทำกำไรของดาวเทียมไอพีสตาร์ดีขึ้น ยอดขายอุปกรณ์ปลายทาง(UT) เพิ่มขึ้น ขณะที่ตลาดอินเดียหนึ่งในตลาดหลักคาดว่าปีนี้เริ่มรับรู้รายได้ ประกอบกับบริษัทจะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน รับผลดีบาทแข็งค่า และบริษัทย่อยก็ยังให้ผลตอบแทนที่ดี
โบรกเกอร์บางรายยังแนะลงทุนระยะยาว เพราะคาดว่าปี 52 จะพลิกเป็นกำไรสุทธิได้ หลังจากที่บริษัทหาพันธมิตรช่วยทำการตลาดในจีนเพื่อรุกเข้าสู่ตลาดผู้ใช้รายย่อย และตลาดอินเดียคาดเติบโตเร็ว
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
บล.ทรีนิตี้ ซื้อ 14.60
บล.ดีบีเอสฯ ซื้อ 14.20
บล.โกลเบล็ก ซื้อ 14.00
บล.ฟินันซ่า ซื้อ 13.50
บล.กรุงศรีอยุธยา ซื้อ 13.00
บล.ฟาร์อีสท์ ถือ 13.20
บล.กิมเอ็ง ทยอยสะสม 12.12
บล.เอเซียพลัส ซื้อ 11.86
นักวิเคราะห์ บล.ฟาร์อีสท์ ให้ความเห็นว่า THCOM ผลประกอบการในไตรมาส 1/51 ดีขึ้นกว่าที่เคยเป็น แต่ทั้งปีคาดว่าจะยังขาดทุนอยู่ประมาณ 350 ล้านบาท เพราะดาวเทียมไอพีสตาร์ยังไม่มีความคืบหน้าในการขายในประเทศหลัก คือ จีน และ อินเดีย ที่ยังมีความล่าช้าอยู่ แต่ปีหน้ามองว่าน่าจะกลับมามีกำไรได้
โดยตลาดจีนมีปัญหาการกระจายไปสู่ผู้ใช้รายย่อย ซึ่งบริษัทได้จับมือกับ ไชน่าแซทเทลไลท์ แต่ก็ไม่มีความชำนาญการขายกับลูกค้ารายย่อย เช่นเดียวกับไทยคม จึงได้มีการเจรจากับบริษัทเอกชนในจีน 2-3 รายเพื่อร่วมมือกันทำการตลาดดาวเทียมไอพีสตาร์ลงไปสู่ผู้ใช้รายย่อย แต่คาดว่าคงยังไม่มีอะไรที่ชัดเจน โดยเฉพาะความคืบหน้าในเชิงพาณิชย์
ส่วนในอินเดีย แม้ว่าได้ใบอนุญาตการติดตั้งเกตเวย์และคลื่นความถี่แล้ว แต่จากข้อมูลล่าสุดจากบริษัท การก่อสร้างเกตเวย์ยังไม่ได้เริ่ม เป็นเพียงการเตรียมพื้นที่เท่านั้นเอง ซึ่งการก่อสร้างใช้เวลา 3 เดือน จึงคาดว่าอย่างเร็วในไตรมาส 3/51 จะดำเนินการได้ ซึ่งมีลูกค้ารองรับอยู่แล้ว
ทั้งๆที่ ดาวเทียมไอพีสตาร์ ยิงขึ้นไปแล้ว 2 ปีเศษ แต่มีจำนวนการใช้ (utitlization) เพียง 5% ในปี 50 ซึ่งถือว่ายังต่ำมาก จึงยังสร้างรายได้ไม่มาก และก็ยังมีผลขาดทุนต่อเนื่อง
"ปัจจัยที่จะลงทุน"ไทยคม" คงต้องมองไปที่ ดาวเทียมไอพีสตาร์ ...ปีนี้ ไม่น่าจะมีอะไรที่เป็นนัยสำคัญที่จะพลิกหน้ามือเป็นหลังมือได้ในปีนี้ แต่ก็แน่นอนว่าได้เห็นสัญญาณที่ดี จึงเป็นเหตุผลที่ยังให้คำแนะนำ "ถือ"อยู่ ถ้าลงทุนระยะยาวให้พิจารณาเข้าสะสมได้ เพราะตลาดอินเดียเชิงพาณิชย์น่าจะเกิดได้อย่าเลวร้ายไม่น่าเกินครึ่งปีหน้า" นักวิเคราะห์ กล่าว
ทั้งนี้ ตลาดจีน มีสัดส่วนการใช้ดาวเทียมไอพีสตาร์ มากที่สุดถึง 26.2% รองลงมาเป็นตลาดอินเดีย 17.5%
แต่ธุรกิจอื่นก็ยังดี ได้แก่ บริษัท เชนนิงตัน ซึ่งให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกัมพูชาและลาว ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และ ธุรกิจอินเตอร์เน็ตภายใต้ บมจ.ซีเอสล็อกอินโฟ(CSL)ที่ให้กระแสเงินสดได้ดี และอัตราการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 10%ต่อปี
ด้านนักวิเคราะห์ จาก บล.กรุงศรีอยุธยา คาดว่า ในไตรมาส 1/51 จะขาดทุนจากการดำเนินงานลดลง และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนก็จะทำให้เป็นกำไรสุทธิ และทั้งปี 51 ยังจะขาดทุน 212 ล้านบาท แต่ลดลงจากปี 50 ที่มีผลขาดทุนก่อนรายการพิเศษและกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ถึง 1,182 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้มียอดขายอุปกรณ์เทอร์มินัล(UT) เพิ่มขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม ตลาดจีนยังไม่คืบหน้า ส่วนตลาดอินเดีย ล่าช้าไปเล็กน้อยในการติดตั้งเกตเวย์ จึงคาดว่าน่าจะเริ่มให้บริการได้ในไตรมาส 4/51
"ถ้าหากให้บริการได้ในอินเดีย ซึ่งคาดว่าจะมาก่อนตลาดจีน ก็มองว่าในปีหน้าจะมีกำไร ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน เราก็ยังแนะนำ"ซื้อ"อยู่ ที่มองว่าผลประกอบการเริ่มฟื้นตัวแล้ว"นักวิเคราะห์ กล่าว
บทวิเคราะห์ของบล.โกลเบล็ก คาดผลประกอบการในไตรมาส 1/51 ดีขึ้นจากยอดจำหน่าย UT พุ่งขึ้นเกือบ 2 หมื่นชุด ส่วนใหญ่ส่งมอบตามคำสั่งซื้อจากทีโอทีและออสเตรเลีย รวมทั้งคาดว่าจะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 450 ล้านบาท จากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น โดย THCOM ยังมีหนี้เป็นกว่า 260 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิใน 1Q51 ราว 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% จากปีก่อนในช่วงเดียวกัน
และมองว่าแนวโน้มธุรกิจปี 51 ปรับตัวดีขึ้น โดยคาดธุรกิจไอพีสตาร์ในปีนี้จะปรับตัวแข็งแกร่งขึ้นมาก จากการบุกตลาดไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะมียอดขาย UT เพิ่ม 8 หมื่นชุด โดยตลาดในอินเดียคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในปีนี้ ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิปี 51 ที่ 155 ล้านบาท ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 50 ที่ผลประกอบการปกติยังขาดทุน
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--