นายชัยยศ ปิยะวรรณรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ (CPT) เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวด 9 เดือน 66 บริษัทมีรายได้รวม 948.51 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,108.71 ล้านบาท จำนวน 160.20 ล้านบาท หรือลดลง 14.45% แต่พลิกมีกำไรสุทธิ 53.86 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 16.46 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 427.18%
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3/66 บริษัทมีรายได้รวม 276.13 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 438.22 ล้านบาท จำนวน 162.09 ล้านบาท หรือลดลง 36.99% และพลิกมีกำไรสุทธิ 12.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 21.50 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 156.90%
กำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากลูกค้ารายเดิมมีการซื้อซ้ำและมีลูกค้ารายใหม่ภาคเอกชนหลากหลายอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ตามแนวโน้มความต้องการอุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบควบคุมไฟฟ้า รวมถึงสามารถส่งมอบงาน และรับรู้รายได้จากงานขายได้มากขึ้น อีกทั้ง บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นอยู่ที่ 15.28% จากไตรมาสก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 14.48% ถือว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น ซึ่งบริษัทจะรักษาความสามารถการทำกำไรให้อยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่อง
สำหรับทิศทางธุรกิจช่วงไตรมาส 4/66 แนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทมุ่งเน้นการลงทุนภาคเอกชนโดยเฉพาะอุตสาหกรรมพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโต และมีกำลังซื้อสูง อาทิ อุตสาหกรรมรถไฟฟ้า EV อาหารและเครื่องดื่ม อีกทั้ง นโยบายส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ส่งผลให้ความต้องการใช้ตู้ไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบควบคุมไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น
ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างสถานีไฟฟ้า 115kV แบบ Turnkey มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท จาก บริษัท ฮอริษอน พลัส จำกัด (Horizon+) ผู้ดำเนินธุรกิจการผลิตและประกอบ (Assembly) รถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (บริษัทในเครือ ปตท.) และบริษัท หลินยิ่ง อินเตอร์เนชั่นนอล อินเวสเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของบริษัท หงไห่ พริซิชั่น อินดัสทรี จำกัด หรือ ฟ็อกซ์คอนน์ เทคโนโลยี โดยโรงงานตั้งอยู่ในเขต EEC จังหวัดชลบุรี ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 67