นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ บมจ.อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท (ESTAR) กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้วางเป้าหมายรายได้รวมแตะ 3 พันล้านบาท ในปี 70 โดยมาจากการทยอยพัฒนาที่ดินที่บริษัทมีในมือเพื่อสร้างเป็นที่อยู่อาศัยขายเป็นรายได้เข้ามา โดยเฉพาะที่ดินในจังหวัดระยองที่ปัจจุบันมีอยู่ราว 1,000 ไร่ จะสามารถรองรับการเติบตามเป้าหมายได้แน่นอน
สำหรับที่ดินในระยอง 1,000 ไร่ แบ่งเป็นที่ดินในอำเภอบ้านฉางประมาณ 500 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่สนามกอล์ฟและรอบพื้นที่สนามกอล์ฟประมาณ 250 ไร่ ที่มีทั้งที่อยู่อาศัยและโรงแรมในพื้นที่ดังกล่าว และเป็นที่ดินในทำเลหนองบอ 500 ไร่ สามารถรองรับการพัฒนาโครงการได้อีก 10 ปี และสามารถสริงรายได้เข้ามาให้กับบริษัทได้ จากปีนี้ที่เฉพาะรายได้ที่มาจากระยองจะอยู่ที่ 700 ล้านบาท
ขณะเดียวกันบริษัทยังมีการซื้อที่ดินที่มีศักยภาพเพิ่มเข้ามาต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่ดินในกรุงเทพฯ และพื้นที่ EEC ซึ่งในปี 67 บริษัทได้วางงบซื้อที่ดินไว้ที่ 400-600 ล้านบาท เพื่อใช้ซื้อที่ดินในเขตพื้นที่ EEC จำนวน 1 แปลง และในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 2 แปลง เพื่อนำมาพัฒนาเป็นโครงการแนวราบ
ด้านการเปิดโครงการใหม่ของบริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปมากขึ้น และปรับลดการเปิดตัวโครงการระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทลงมา เพราะมีความกังวลในเรื่องอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของตลาดระดับ 3 ล้านบาทลงมาที่สูง ขณะที่ตลาดระดับราคา 5-10 ล้านบาท ยังมีการเติบโตของดีมานด์ที่ดีต่อเนื่อง
ในปี 67 คาดว่าสัดส่วนของสินค้ากลุ่มสินค้าในระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปจะเพิ่มเป็น 80% จากปัจจุบันที่มี 75% แสัดส่วนของสินค้าระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท จะลดลงเหลือ 20% จากปัจจุบันที่มี 25% พร้อมวางแผนเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการในปี 67 ในกรุงเทพฯ ที่จะพัฒนาเป็นทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยว ส่วนคอนโดมิเนียมจะชะลอการพัฒนาออกไปก่อน
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 66 คาดว่าจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ แม้ในช่วงครึ่งปีแรกจะมีผลงานขาดทุนอยู่ที่ 0.93 ล้านบาท และจะมีรายได้รวม 1.35 พันล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัททำรายได้ไปแล้ว 647 ล้านบาท ส่วยยอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่า 370 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ภายในปีนี้ทั้งหมด ซึ่ง Backlog ที่มีอยู่มาจากโครงการแนวราบ 350 ล้านบาท และเป็น Backlog โครงการคอนโดมิเนียมราว 20 ล้านบาท