นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดแกว่งไซด์เวย์ รอติดตามการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ของสหรัฐเดือน ต.ค.คืนพรุ่งนี้ ซึ่งจะมีผลต่อความเห็นแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะพิจารณาอัตราดอกเบี้ย ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเปิดมาเช้านี้เคลื่อนไหวบวกเล็กน้อย
ด้านปัจจัยในประเทศรับรู้ไปค่อนข้างมากแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะประเด็นดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาทที่มีความชัดเจนออกมาและตลาดตอบรับไปแล้ว ดังนั้น ตลาดน่าจะหันมาติดตามการทยอยประกาศผลปร กอบการไตรมาส 3/66 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.)
โดยให้แนวต้าน 1,400 จุด แนวรับ 1,380 จุด
บล.กสิกรไทย ประเมิน ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้น่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1,375-1,410 จุด รอประเมินงบ บจ.ไตรมาส 3/66 รวมถึงทิศทางบอนด์ยีลด์จากแผนออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท และตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ
ทั้งนี้ พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท อยู่ในขั้นรอการตีความของกฤษฎีกาว่าขัดต่อกฎหมายหรือไม่ กรณีรัฐธรรมนูญมาตรา 140 และ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 53 ที่ระบุว่าหากใช้เงินที่ไม่ได้เป็นไปตามงบประมาณปกติ จะทำได้กรณีมีความจำเป็นเร่งด่วนเท่านั้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี (บอนด์ยีลด์) ของไทยปรับตัวขึ้น 6 bps เป็น 3.14% เมื่อวันศุกร์หลังการประกาศรายละเอียดโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (10 พ.ย.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,283.10 จุด เพิ่มขึ้น 391.16 จุด หรือ +1.15%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,415.24 จุด เพิ่มขึ้น 67.89 จุด หรือ +1.56% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,798.11 จุด เพิ่มขึ้น 276.66 จุด หรือ +2.05%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 32,818.15 จุด เพิ่มขึ้น 250.04 จุด หรือ +0.76% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,263.00 เพิ่มขึ้น 59.74 จุด หรือ +0.34% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,044.03 จุด เพิ่มขึ้น 5.06 จุด หรือ +0.16%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 พ.ย.66) ที่ 1,389.57 จุด ลดลง 15.40 จุด (-1.10%) มูลค่าการซื้อขาย 50,967.94ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,406.80 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 พ.ย.66.
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.(10 พ.ย.) พุ่งขึ้น 1.43 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 77.17 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ร่วงลงเกือบ 4.2% ในรอบสัปดาห์นี้
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 พ.ย.66) อยู่ที่ 5.51 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.94 อ่อนค่าตามภูมิภาค คาดกรอบวันนี้ 35.90-36.20
- นักวิชาการห่วง "รัฐกู้เงินมาแจก" เขย่าวินัยการคลัง สะเทือนเครดิตเรตติ้งประเทศ "ทีดีอาร์ไอ" หวั่นกระสุนการคลังมีไม่พอรับมือวิกฤติรอบใหม่ นักเศรษฐศาสตร์ชี้อย่างน้อยออกเป็น พ.ร.บ. โปร่งใสมากกว่าซิกแซกใช้เงินนอกงบประมาณ
- รมว.แรงงาน ยืนยันปรับค่าแรงขั้นต่ำในปีนี้อย่างแน่นอน แต่อาจไม่ใช่ 400 บาททั่วประเทศ เตรียมหารือ 17 พ.ย.นี้ ขณะที่รองประธานอีคอนไทยหวั่นนายจ้างไม่ไหว แนะขึ้นพ.ค.ปีหน้า หรือรอให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว หนุนปรับโครงสร้างก่อนปรับเงินเดือนข้าราชการ
- "เอกชน" เตรียมแผนรับมือค่าแรงขึ้นหวั่นกระทบต้นทุน "กลุ่มเครื่องดื่ม" ปรับแผนผลิต-บริหารต้นทุน "ค้าปลีก" มั่นใจรับมือได้ มอนิเตอร์สถานการณ์เศรษฐกิจใกล้ชิด "ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์" ชี้ค่าแรงขึ้นไม่กระทบต้นทุน "มาม่า"
- ผู้ว่าฯ รฟท. เร่งแก้ปัญหาไฮสปีด 2 สาย ถกนอกรอบ "ซี.พี." ดึงโครงสร้างร่วมทำเอง จ่อแก้สัญญาหักค่างานโยธา 1.1 หมื่นล้าน บ. ส่วนไทย-จีน 4-1 ต้องเพิ่มงบ 5 พันล้าน บ. ชงครม.เคาะพร้อมเปิดประมูล
*หุ้นเด่นวันนี้
- ADVANC (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า 262 บาท มี Sentiment บวกจากข่าว กสทช.มีมติ 4 ต่อ 1 อนุญาติให้ควบรวม 3BB หนุนส่วนแบ่งการตลาดและรายได้ในกลุ่ม FBB เพิ่มขึ้น และยังมี Upside จากการขายเสาโครงข่ายเข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐานในอนาคต
- SPA (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 14.40 บาท กำไรไตรมาส 3/66 ที่ 81 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ และดีกว่าที่ตลาดคาด +21% แรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ผสานการบริหารต้นทุนได้ดี และมีการปรับขึ้นค่าบริการตั้งแต่ปลายปี 2022 หนุน GPM ดีขึ้น คาดกำไรปี 2567 ยังขยายตัวเด่น ขานรับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทย
- BCP (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 43 บาท กำไรไตรมาส 3/66 1.1 หมื่นล้านบาท +2,304%QoQ, +346%YoY เติบโตโดดเด่นจากบันทึกกำไรสต๊อกน้ำมันและกำไรพิเศษซื้อ ESSO ผลการดำเนินงานทุกธุรกิจปรับตัวดีขึ้น แนวโน้มกำไรปกติ 4Q66 จะยังมีทิศทางบวกจากการรวมงบ ESSO เต็มไตรมาส โดยธุรกิจการตลาดคาดว่าปริมาณเพิ่มตามฤดูกาล ส่วนธุรกิจพลังงานไฟฟ้ายังมีปัจจัยหนุนจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ช่วยชดเชยค่าการกลั่นที่ลดลง