นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งด้วยการพลิกทำกำไรจากการดำเนินงานปกติ (Normalised Net Profit) จำนวน 632 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 25 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าขยายพอร์ตด้านพลังงานทดแทนต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเป็นบริษัทผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก
สำหรับกำไรสุทธิ (หลังหักรายการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเกิดจากการแปลงมูลค่าทางบัญชีซึ่งไม่กระทบกระแสเงินสด) อยู่ที่จำนวน 344 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 529.33 ล้านบาทในำตรมาส 3/65
ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นนี้เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของกลุ่มโรงไฟฟ้าอุตสาหกรรม (SPP) อันเนื่องมาจากการฟื้นตัวดีขึ้นบางส่วนจากอัตรากำไรระหว่างค่า FT และต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติ รวมถึงการขยายฐานลูกค้าอุตสาหกรรมที่มากขึ้นส่งผลให้ปริมาณไฟฟ้าที่จำหน่ายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ยังเป็นผลจากปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติต่อหน่วยที่ลดลง 4.3% จากการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานโรงไฟฟ้าที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ BGRIM ได้เชื่อมเข้าระบบของลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่ในประเทศไทยรวม 39.5 เมกะวัตต์ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในไตรมาส 3/66 ทำให้ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีถึงเดือน ก.ย.66 ได้เชื่อมต่อลูกค้าใหม่เข้าระบบแล้ว 51.7 เมกะวัตต์ เปรียบเทียบกับเป้าหมายทั้งปีที่ 50-60 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าในปีหน้าจะมีลูกค้าใหม่อีก 50-60 เมกะวัตต์เช่นกัน
สำหรับการขยายการลงทุนและการดำเนินงานที่สำคัญของ BGRIM ในช่วงที่ผ่านมา อาทิ ในช่วงเดือน ส.ค.66 ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินกำลังการผลิตติดตั้ง 23.5 เมกะวัตต์ ซึ่งดำเนินการภายใต้ KOPOS Co., Ltd. โดยตั้งอยู่ในประเทศสาธารณรัฐเกาหลี และในเดือน ต.ค.เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการโรงไฟฟ้า BGPAT3 ขนาด 140 เมกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 90 เมกะวัตต์ กับทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งมีกลไกการส่งผ่านค่าเชื้อเพลิงตามราคาก๊าซธรรมชาติเป็นระยะเวลา 25 ปี
นอกจากนี้ ในเดือน ต.ค.บริษัท RES Company Sicilia S.r.l. (ซึ่งเป็นบริษัทย่อย) ได้เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดร้อยละ 100 ใน บริษัท LT06 S.r.l. เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน ที่มีระบบหมุนตามดวงอาทิตย์ (tracking system) กำลังการผลิตติดตั้ง 80.9 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี ทำให้ปัจจุบัน BGRIM มีโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนรวมทั้งหมด 250-300 เมกะวัตต์ในประเทศอิตาลีที่อยู่ระหว่างพัฒนาโดยส่วนใหญ่ได้รับอนุญาตในการเชื่อมต่อ Grid connection แล้ว
ในส่วนของความคืบหน้าด้านการก่อสร้างโครงการใหม่นั้น ในเดือน ธ.ค.66 มีกำหนดการ COD โครงการ BGPAT3 ขนาด 140 เมกะวัตต์ซึ่งมี PPA แบบส่งผ่านต้นทุนพลังงานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ขนาด 90 เมกะวัตต์ ถัดมาในปี 67 มีกำหนดการ COD โครงการโรงไฟฟ้าแบบผสมผสาน อู่ตะเภา เฟสแรก ขนาด 18 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันมีความคืบหน้า 92% และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ GIFU ขนาด 20 เมกะวัตต์ในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม แบบติดตั้งบนบก KOPOS ขนาด 20 เมกะวัตต์ ในประเทศเกาหลีใต้
ในปี 66 บริษัทมุ่งขยายการลงทุนทั้งโครงการใหม่และการเข้าซื้อกิจการทั้งในประเทศและต่างประเทศ มุ่งขยายการดำเนินงานด้วยการลงทุนในพอร์ตธุรกิจที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่ำทั้ง อาทิเช่น ประเทศเกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, กัมพูชา, กรีซ, อิตาลี, สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดิอาระเบีย โดยคาดว่าจะมีกำลังการผลิตจากโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วเพิ่มขึ้นอีก 632 เมกะวัตต์ จาก 3,338 เมกะวัตต์ในสิ้นปี 65 เป็น 3,970 เมกะวัตต์ภายในสิ้นปี 66 โดยการดำเนินงานและการขยายธุรกิจตลอดการดำเนินงานที่ผ่านมาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในระยะยาวของบริษัทสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลกและบรรลุเป้าหมายการขยายพอร์ตสู่กำลังการผลิต 10,000 เมกะวัตต์ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในปี 73