นางสาวริศรา เจริญพานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พีอาร์ทีอาร์ กรุ๊ป (PRTR) เปิดเผยผลประกอบการบริษัทฯ งวด 9 เดือนแรกของปี 66 บริษัทมีรายได้รวม 4,654.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 3.8% มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 152.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 1.5% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 10.3%
เนื่องจากการเติบโตต่อเนื่องในธุรกิจหลักทั้งธุรกิจจัดจ้างพนักงาน (Outsource) ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 95% และโดยเฉพาะธุรกิจบริการสรรหาพนักงาน (Recruitment) มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 4.4% และเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 11.5% ตลอดจนบริการใหม่ ธุรกิจให้บริการฝึกอบรม (Integrated Learning Service) ธุรกิจบริการจัดหางานผ่านแพลตฟอรม์ (Online Job Platform) และรับรู้รายได้เพิ่มจากธุรกิจใหม่ HRIS Platform ซึ่งเป็นการให้บริการ Payroll Software เพื่อเสริมให้ PRTR เป็น Total HR Solutions ที่ตอบโจทย์การให้บริการแบบครบวงจร
สำหรับงวดประจำไตรมาส 3/2566 มีรายได้รวม 1,572.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 3.5% มีกำไรสุทธิ 51.6 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากงวดเดียวกันของปีก่อน 3.2% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 10.6%
ณ สิ้นเดือน ก.ย.66 PRTR มีพนักงานในกลุ่มธุรกิจ Outsource ราว 16,591 คน ครอบคลุมการจัดจ้างพนักงานในหลากหลายอุตสาหกรรมให้แก่ลูกค้ากว่า 400 บริษัท มีอัตราการต่ออายุสัญญากับบริษัทถึง 95% และมีสัญญาลูกค้าเฉลี่ยอยู่ที่ 4 ปี ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่อยู่กับบริษัทมายาวนาน สนับสนุนให้ปัจจุบัน PRTR มีรายได้ที่เป็นลักษณะ Recurring ราว 95% ตั้งเป้าสิ้นปีจะมีพนักงาน outsource ที่ 17,500 คน
ในด้านธุรกิจ Recruitment บริษัทฯ มุ่งเน้นสรรหาพนักในทุกระดับให้แก่ลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยลูกค้ายังคงมีความต้องการในการจ้างงานที่เติบโตต่อเนื่อง พร้อมรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในธุรกิจ Recruitment ไว้ที่ 65% ซึ่งอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี PRTR ยังคงเดินหน้า 3 กลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตแบบ Organic Growth และ Inorganic Growth ตั้งเป้ารายได้ปี 66 เติบโต 10% จากปีก่อน โดยมองแนวโน้มไตรมาส 4/66 มีโอกาสทำนิวไฮ เนื่องจากลูกค้าในธุรกิจ Outsource จะมีการจ่ายโบนัสให้พนักงานในไตรมาส 4/2566 ซึ่งส่งผลให้รายได้ของ PRTR ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันนโยบายของภาครัฐที่จะมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในปีหน้า จะเสริมรายได้ให้ PRTR มีการเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจาก PRTR มีพนักงานในกลุ่มธุรกิจ Outsource ราว 9,000 คน ที่เข้าข่ายจะได้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำดังกล่าว
รวมไปถึง ธุรกิจใหม่ที่เริ่ม Kick off และรับรู้รายได้เข้ามา ได้แก่ ธุรกิจให้บริการผ่านแพลตฟอร์มหางานออนไลน์ (Job Platform) ภายใต้ บริษัท จัดหางาน เน็กซ์มูฟ แพลตฟอร์ม จำกัด (NEXMOVE) และให้บริการฝึกอบรมแบบออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มและออฟไลน์ (Integrated Learning Services) ของ BLACKSMITH ธุรกิจให้บริการซอฟต์แวร์ด้านการบริหารจัดการบุคลากร (Human capital management software) ภายใต้ บริษัท พินโน โซลูชั่นส์ จำกัด (PINNO) ซึ่งเริ่มเปิดตัวและมีรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นมา เป็นธุรกิจที่ PRTR นำเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอด และสร้างฐานอัตรากำไรให้ไต่ระดับสูงขึ้น
นอกจากนี้ แผนเตรียมดันบริษัทใหม่ PRTR Global ปัจจุบันได้รับใบอนุญาตเรียบร้อยแล้วในการดำเนินธุรกิจจัดหาคนไปทำงานต่างประเทศ คาดเริ่มดำเนินงานได้ปลายปีนี้ ตอกย้ำการเป็นผู้นำ Total HR Solution ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้