กระทรวงคลังกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) สรุปเกณฑ์มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดตั้งกองทุน Thailand ESG Fund (TESG) ที่วางระยะเวลาลงทุน 8 ปีเต็ม วงเงินลงทุนไม่เกิน 100,000 บาท/ราย โดยจะเริ่มลงทุนได้ตั้งแต่ธ.ค.66 นี้เป็นต้นไป
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย (KTAM) ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า กองทุนที่จะจัดตั้งจะเป็นกองทุนที่ลงทุนหุ้นที่ดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสีย โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG)ที่ภาครัฐให้ความสำคัญ เพราะทำให้การค้าขายระหว่างประเทศดีขึ้น โดยเฉพาะไทยเป็นประเทศส่งออก และย้ำชัดว่า กองทุน TESG ไม่ใช่กองทุนหยุงหุ้นอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะก.คลังไม่มีวัตถุประสงค์ให้เข้ามาพยุงหุ้น
ถึงแม้ ก.คลังจะให้วงเงินลงทุนไม่เกิน 100,000 บาท/ราย ก็ถือว่าดีกว่าไม่ได้ แต่ก็เชื่อว่าในระยะเวลาที่เหลือของปีนี้หรือประมาณ 1 เดือน ก็คาดว่าจะสามารถระดมเงินลงทุนได้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ก็น่าะจะช่วยตลาดหุ้นไทยไม่มากก็น้อย และในปี 67 ก็คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาประมาณ 3 หมื่นล้านบาท รวมถึง บลจ.ต่างๆ ก็ต้องขยายฐานลูกค้าเพิ่มด้วย
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า การออกงกองทุน TESG ถือว่าเป็นการปิดช่องว่างระหว่างกองทุน SSF และ กองทุน LTF โดยกองทุน SSF ไม่มีการลงทุนในหุ้นไทย ซึ่งทำให้เม็ดเงินลงทุนในไทยหายไป แต่กองทุน TESG จะเน้นลงทุนหุ้นไทย และตราสารหนี้ไทย รวมทั้งปิดจุดอ่อนเรื่องระยะเวลาลงทุนของ SSF ที่ต้องถือ 10 ปีเต็มที่ทำให้ไม่ค่อยได้รับความนิยม แต่กองทุน TESG จะมีระยะเวลา 8 ปีเต็ม แต่ก็ยังมากกว่าของกองทุน LTF ที่มีระยะเวลาลงทุน 7 ปฎิทินและลงุทนหุ้นไทย
นอกจากนี้เห็นว่า เม็ดเงินลงทุน 100,000 บาท/ราย ถือว่าน้อยไปโดยปีแรก ระยะเวลามีเพียงเดือนเดียว คือ ธ.ค.66 ก็อาจจะระดมเงินลงทุนได้ไม่มาก
บล.หยวนต้าฯ คาดว่ากองทุน TESG จะอิง SET ESG Index เป็น Benchmark และจะคัดเลือกหุ้นตาม SET ESG Ratings ที่เพิ่งประกาศเมื่อ 6 พ.ย. ซึ่งมีทั้งสิ้น 193 หลักทรัพย์ คิดเป็น Market Cap. 75% ของทั้งตลาด
โดยหุ้น 40 หลักทรัพย์แรก คิดเป็น 80% ของ Market Cap. ใน SET ESG Index เราคาดว่ากองทุนที่จัดตั้งขึ้นมาจะเน้นที่ 40 หลักทรัพย์แรกเป็นหลัก โดยอิง Ratings AAA และ AA ซึ่งหุ้นที่ได้ Ratings AAA เช่น ADVANC, CPALL, KBANK, KTB, CPAXT, CRC, PTTGC, CPF, SCGP เป็นต้น
ด้านนายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า กองทุน TESG คงช่วยตลาดหุ้นไทยได้ไม่มาก เพราะขนาดกองทุนค่อนข้างเล็ก โดยให้ลงทุนไม่เกิน 100,000 บาท/ราย จากที่เคยคาดว่าจะลงทุนได้ 300,000 บาท/ราย ทำให้ Impact ต่อตลาดมีจำกัด และระยะเวลาถือครอง 8 ปีปฏิทินอาจจดีกว่ากองทุน SSF แต่ด้อยกว่ากองทุน LTF มองแล้วเงื่อนไขไม่ดีเท่าเดิม ขนาดเงินลงทุนก็น้อย
นอกจากนี้ การลงทุนก็ไม่ใช่แค่ในตลาดหุ้น แต่เลือกลงทุนตราสารหนี้ด้วย ก็คงดึงเม็ดเงินที่คาดว่าจะเข้ามาในตลาดหุ้นไปบางส่วน ทำให้คาดว่ามีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นราว 3-4 พันล้านบาท จากวงเงินเบื้องต้น 1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ มองว่าหุ้น ESG ที่น่าจะเข้าข่ายลงทุนตามเงื่อนไขใหม่ และประเมินว่าแนวโน้มกำไรจะเติบโต และมี upside มากว่า 20% ในปีหน้า ได้แก่
กลุ่มธนาคาร - BBL, SCB
กลุ่มค้าปลีก - CPALL, CRC
กลุ่ม Healthcare - BDMS
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ - AP, CPN