นายธนพร เตชวิวรรธน์ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.แพลน บี มีเดีย (PLANB) เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์รายได้จากการขายและการให้บริการในปี 66 จะทำได้ตามเป้าหมาย 7,700- 8,000 ล้านบาทตามเป้า จากสื่อโฆษณาที่เพิ่มขึ้น รวมถึงแนวโน้มการใช้สื่อ OOH (Out of home) ฟื้นตัว โดยแนวโน้มในไตรมาส 4/66 ยังมีมุมมองเชิงบวก คาดรายได้อาจทำ All Time High ด้วยอัตราการใช้สื่อที่มากกว่า 75% และยังเป็น High season ของธุรกิจ จึงทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาสนับสนุนในช่วงโค้งสุดท้ายของปี
นอกจากนี้ ในไตรมาส 4/66 บริษัทได้ปรับราคาขายสื่อดิจิทัลเฉลี่ยอยู่ที่ 5-6 % ในพื้นที่ไพร์มแอเรีย อย่าง สยามพารากอน เซนทรัลเวิร์ล แพลนบีทีวี และ Signature Max ซึ่งเป็นการปรับราคาขายครั้งแรกตั้งแต่ปี 62 โดยการปรับราคาขายดังกล่าวจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 25-30 ล้านบาทในไตรมาส 4/66 นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการประเมินแผนการปรับราคาในปีหน้า ขณะที่ธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วม คาดการณ์รายได้ในไตรมาส 4/66 อยู่ที่ประมาณมากกว่า 400 ล้านบาท จากธุรกิจการตลาดประเภทกีฬา รวมทั้งยังรับรู้รายได้จากสิทธิการถ่ายทอดสดมหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ในส่วนที่เหลือเดือน ต.ค. ประมาณ 55 ล้านบาท ขณะที่อาร์ทติส เมเนจเม้นท์ กิจกรรมของ BNK48 จะรับรู้รายได้ประมาณ 100 ล้านบาท และการประมูลสิทธิในโอลิมปิกที่ปารีส บริษัทอยู่ในระหว่างการพูดคุยศักยภาพของงาน ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ อัตราการใช้สื่อในเดือนต.ค.ที่ผ่านมาเร่งตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากเดือน ก.ย.จากการใช้เม็ดเงินซื้อโฆษณาในกลุ่ม F&B รถยนต์ที่มีการลงแคมเปญอย่างต่อเนื่อง รวมโทรศัพท์มือถือ ทำให้อัตราการใช้สื่อในเดือน ต.ค. อยู่ที่ 78-79% ซึ่งคาดว่าในไตรมาส 4/66 อัตราการใช้สื่อจะอยู่ที่ระดับ 79-80%
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/66 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 2,141 ล้านบาท เติบโต 23.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากธุรกิจสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัย สร้างรายได้ 1,645 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.9% YoY และธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วม มีรายได้ 496 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.3% YoY จากการเติบโตของธุรกิจด้านสปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 261 ล้านบาท เติบโต 46.3% YoY จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นทุกกลุ่มธุรกิจ การเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น และความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ