สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า บมจ. สยามโกลบอลเฮ้าส์ ได้นับ 1 ข้อมูล Filing เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2551 โดยบริษัทฯจะขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน(IPO)จำนวน 260 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของผู้จัดการการจัดจำหน่ายหรือผู้จัดจำหน่าย เสนอขายต่อนักลงทุนรายสถาบัน และผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ การเสนอขายหุ้นครั้งนี้ไม่ได้จัดสรรหุ้นให้แก่ประชาชนในวงกว้าง เนื่องจากจำนวนหุ้นที่เสนอขายมีจำนวนจำกัด
ทั้งนี้ บริษัทฯมีความประสงค์จะนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีบจ.แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
บมจ. สยามโกลบอลเฮ้าส์ เกิดจากการควบรวมกันระหว่าง บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด และบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์(ขอนแก่น)จำกัด ซึ่งได้ดำเนินการควบรวมเรียบร้อยตามหนังสือจดทะเบียนก่อตั้งบริษัท เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2550
บริษัทฯดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง เครื่องมือ อุปกรณ์ ที่ใช้ในงานก่อสร้าง ต่อเติม ตกแต่ง บ้านและสวน ภายในอาคารหลังเดียวขนาดใหญ่ โดยใช้ชื่อทางการค้าว่า "โกลบอล เฮ้าส์" เป็นแห่งแรกที่จังหวัดร้อยเอ็ด ด้วยจำนวนรายการสินค้าที่มีให้เลือกในปัจจุบันมากกว่า 100,000 รายการ
วัตถุประสงค์ของการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อนำเงินที่ได้ไปใช้ดำเนินการด้านต่าง ๆ ได้แก่ การใช้ในการขยายสาขาไปยังจังหวัดต่าง ๆ และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของบริษัท
โครงการในอนาคตของบริษัทฯ คือมีแผนการขยายสาขาเพิ่ม โดยปัจจุบันบริษัทมีสาขาอยู่ที่จังหวัดร้อยเอ็ด ขอนแก่น อุดรธานี เชียงใหม่ และระยอง สำหรับสาขาที่กำลังก่อสร้างคือ จังหวัดชลบุรี และนครปฐม นอกจาก 2 สาขาดังกล่าวแล้ว บริษัทยังมีสาขาที่อยู่ระหว่างการวางแผนเพื่อขยายเพิ่ม คือ สาขาจังหวัดอยุธยา และกาฬสินธุ์ รวมทั้งบริเวณปริมณฑลของกรุงเทพฯและจังหวัดใหญ่อีกหลายจังหวัด
ในการขยายสาขาแต่ละครั้งจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทจะศึกษาข้อมูลด้านทำเลที่ตั้ง ลักษณะ และขนาดของตลาด พฤติกรรมของผู้บริโภค คู่แข่งขันในท้องถิ่น ตลอดจนจัดทำประมาณการเงินลงทุน ยอดขาย และอัตรากำไรที่จะได้รับอย่างรอบคอบก่อนการตัดสินใจลงทุน
ปัจจุบันบริษัทฯมีทุนจดทะเบียน 960 ล้านบาท เป็นทุนที่ชำระแล้ว 700 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ทั้งนี้ บริษัทฯมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในแต่ละปีไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิที่เหลือหลังจากหักเงินสำรองต่าง ๆ ทุกประเภท
ณ วันที่ 4 มีนาคม 2551 ผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ กลุ่มครองครัวสุริยวนากุล นำโดยนายวิทูร สุริยวนากุล ถือหุ้น 287.16 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 41.02% หลังขาย IPO จะถูดลดสัดส่วนลงเหลือ 29.91% รองลงมาเป็น นายอนวัช สุริยวนากุล ถือหุ้น 229.59 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 32.80% หลังขาย IPO จะถูดลดสัดส่วนลงเหลือ 23.92%
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--