นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาด ปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาดการณ์มาก และยังลดลงต่อเนื่องด้วย กดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ปรับลงมาอยู่ที่ 4.45% ต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ส่งผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้า รวมถึงราคาน้ำมันดิบก็อยู่ในระดับทรงตัว
ขณะที่ปัจจัยในประเทศ มองการสนับสนุนการจัดตั้งกองทุน Thailand ESG Fund จะเป็นปัจจัยที่เรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมาได้ อีกทั้งการประกาศงบการเงินในไตรมาส 3/66 ของบริษัทจดทะเบียนไทยได้สิ้นสุดลงแล้ว ทำให้ความผันผวนของตลาดน่าจะลดลงด้วย
ให้กรอบแนวรับไว้ที่ 1,378-1,380 จุด และแนวต้าน 1,400-1,405 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (14 พ.ย.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,827.70 จุด เพิ่มขึ้น 489.83 จุด หรือ +1.43%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,495.70 จุด เพิ่มขึ้น 84.15 จุด หรือ +1.91% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,094.38 จุด เพิ่มขึ้น 326.64 จุด หรือ +2.37%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 33,112.31 จุด พุ่งขึ้น 416.38 จุด หรือ +1.27% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,836.65 จุด เพิ่มขึ้น 439.79 จุด หรือ +2.52% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,077.03 จุด เพิ่มขึ้น 20.96 จุด หรือ +0.68%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 พ.ย.66) ที่ 1,386.04 จุด ลดลง 1.09 จุด (-0.08%) มูลค่าการซื้อขาย 47,578.86 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 26.66 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 พ.ย.66.
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.(14 พ.ย.) 78.26 ดอลลาร์/บาร์เรล ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับของวันจันทร์ (13 พ.ย.)
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 พ.ย.66) อยู่ที่ 5.92 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.55 ตลาดคาดเฟดยุติขึ้นดอกเบี้ย มองกรอบ 35.45-35.70
- MSCI November Rebalance ประกาศรายชื่อหุ้นถูกคัดเข้าและออกมีผล ราคาปิดวันที่ 30 พ.ย.66 MSCI Global Standard Index + หุ้นถูกคัดเข้า ไม่มี , - หุ้นถูกคัดออก BGRIM,EGCO, RATCH ส่วน MSCI Small cap Index +หุ้นถูกคัดเข้า : BGRIM,EGCO, RATCH -หุ้นถูกคัดออก : ACE, ASK,KEX, ONEE,RAM, SABUY, TTA, TFG, VIBHA
- "คลัง" อนุมัติตั้งกองทุน TESG ลงทุนหุ้น-ตราสารหนี้ที่มี ESG หวังกระตุ้นการลงทุน ในตลาดหลักทรัพย์ระยะยาว ลดหย่อนภาษีไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี เริ่มลงทุนได้ 1 ธ.ค.นี้ "สรรพากร" คาดสูญเสียรายได้ราว 1 หมื่นล้านบาทต่อปี โบรกเกอร์เชื่อผลต่อหุ้นไทยน้อย เหตุวงเงินลดหย่อนภาษีต่ำแค่ 1 แสนบาทต่อปี
- ธุรกิจค้าปลีก-ห้างเกาะติดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แจกเงิน 1 หมื่นบาท ช้อปดีมีคืนภาษี 5 หมื่นบาท มั่นใจช่วยปลุกจับจ่าย แต่ลุ้นรอความชัดเจน "เงื่อนไข-ระยะเวลา" หวั่น พ.ร.บ.กู้เงินเพื่อมาแจกสะดุด แนะขยายเวลา ช้อปคืนภาษีนาน 4 เดือน เริ่ม มี.ค.-พ.ค. ครอบคลุมธุรกิจท่องเที่ยว-โรงแรม-บริการ ชี้กลุ่มมีกำลังซื้อจับจ่ายสะพัดแน่
- ครม.ยอมปรับขึ้นราคาน้ำตาลทราย 2 บาท ชี้ต้นทุนชาวไร่อ้อยที่สูงขึ้น แต่ไม่อนุมัติอีก 2 บาทเข้ากองทุนสิ่งแวดล้อม โดยให้มีผลทันที กกร.เด้งออกประกาศฉบับใหม่ คุมเฉพาะราคาหน้าโรงงานไม่เกิน กก.ละ 21-22 บาทปล่อยผีไม่คุมขายปลีกแค่ให้สอดคล้องต้นทุน พร้อมเลิกคุมส่งออก แนะห้างใน กทม.-ปริมณฑลขายไม่เกินโลละ 26-27 บาท ยืนยันของไม่ขาด "น้ำตาลไม่ขาดแคลน"
- "เศรษฐา" เผยผลคุยผู้บริหารเทสลา สนใจลงทุนในไทย เตรียมเดินทางมาดูที่ตั้งโรงงาน หลังเอกชนไทยเสนอพื้นที่ 3 แห่ง คาดตัดสินใจช่วงไตรมาสแรกปีหน้า เล่าประสบการณ์ทดสอบรถไซเบอร์ทรัก ที่เตรียมเปิดตัวล่าสุดสิ้นเดือน พ.ย.นี้ สุดเจ๋ง ทุบไม่บุบ วิ่งเร็วกว่า Ferrari แย้ม HP และ ADI จะเพิ่มการลงทุนในไทย พร้อมโปรโมตโครงการแลนด์บริดจ์ ชูไทยศูนย์กลางการค้า ขนส่งในภูมิภาค จีบนักลงทุนสหรัฐฯ ร่วมมือนักลงทุนไทย และเพิ่มการลงทุนในไทย
*หุ้นเด่นวันนี้
- WHA (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า 5.40 บาท มีข่าวดีท่าน นายกฯ ระบุมีเอกชนรายใหญ่จะเข้ามาสร้าง Data Center ในไทย อาทิ Microsoft เบื้องต้นเราคาดว่า Microsoft จะใช้ที่ดินประมาณ 400-500 ไร่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับ WHA
- MASTER (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 79.50 บาท รายงานกำไรไตรมาส 3/66 ที่ 100 ล้านบาท (+22.5%q-q, +17.3%y-y) สูงสุดทำสถิติใหม่ ตามที่มองไว้ ผลักดันจากกำลังการให้บริการที่เพิ่มขึ้น และอุปสงค์ที่เริ่มกลับมาแข็งแกร่งเป็นปกติ คาดไตรมาส 4/66 กำไรยังคงเดินหน้าเติบโตต่อเนื่องจาก การเข้าสู่ช่วง High Season, กระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าต่างชาติ และจะเริ่มรั้บรู้กำไรจากบริษัทร่วม ขณะที่ Valuation เข้าสู่ระดับน่าดึงดูด
- EPG (ไอร่า) "ทยอยซื้อสะสม"(เป้า 7.40/7.75 บาท) ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี66/67 ออกมาแข็งแกร่ง ธุรกิจอะไหล่ยานยนต์ เติบโต รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมปรับตัวขึ้นโดดเด่น ขณะที่ราคา EPG ณ.ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ Fwd PE เพียง 15.0 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ระดับ 17.0 เท่า ทำให้เรามองว่า EPS มี Upside ในเชิง Valuation