นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดแถลงข่าวประเด็น Naked Short Sell อีกครั้งหลังจากมีกระแสข่าวในสื่อโซเชียลระบุว่ามีการใช้ BOT ทำ Naked Short Sell เพื่อทุบหุ้นในเดือน ก.ค.66 ที่ผ่านมา โดยนายภากรยืนยันว่ากรณีดังกล่าวไม่ใช่การทำ Short Sell
จากข้อมูลของ ตลท.พบว่ามีรายการซื้อขายตามข่าวในวันที่ 12 ก.ค.66 เวลาประมาณ 10.30 น. โดยใช้เวลาในการส่งทั้งหมดประมาณ 2 นาที รวม 6 Orders จำนวนประมาณ 30 ล้านหุ้น
2. Surveillance moniter พฤติกรรม real time ในวันดังกล่าวและพบข้อเท็จจริง ดังนี้
2.1 Order ขายจำนวนมาก ไม่ได้ส่งจาก Foreign Program
2.2 แต่เป็นคำสั่งขายจากผู้ถือหุ้นในประเทศที่ถือครองหุ้นมากกว่าจำนวน ที่ตั้ง Order ขาย จึงไม่ใช่การ Short sell
2.3 คำสั่งขายจำนวนมากดังกล่าว ไม่เกิดการ match เลย และไม่ทราบราคาหุ้นในช่วงเวลาที่วาง order ไว้
2.4 ภายใน 20 นาที หลังจากนั้น มีการถอนคำสั่งขายทั้งหมดแล้ว ไม่ใส่กลับมาอีกเลยตลอดทั้งวัน
"ราคาที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นก็ไม่ได้ผิดปกติ ออเดอร์ก็ไม่เป็นออเดอร์ที่ผิดปกติ ฉะนั้นตั้งแต่ 12 ก.ค. เราก็ไม่ได้มีอะไรที่เป็น activity หรือ action อะไรออกมา" นายภากร กล่าว
นายภากร ยืนยันว่า ขั้นตอนการทำงานของ ตลท.ในการตรวจสอบ Short Sell ปัจจุบันตรวจสอบทุกบัญชีเป็นรายวัน โดยดูใน 3 เรื่อง คือ 1. นักลงทุนที่มีการยืมหุ้นมา ยืมมาอย่างถูกต้องตรงตามเกณฑ์หรือไม่ โดยสอบถามไปยังสังกัดกลุ่มดังกล่าว 2. กลุ่มที่มีการขายในจำนวนมาก หรือมีการซื้อขายระหว่างวัน เช่น มีการขายก่อนแล้วซื้อกลับแต่ไม่ได้ยืมหรือไม่ กลุ่มนี้จะตรวจสอบทุกบัญชี และ 3. ดูว่าหากใครก็ตามที่มีการขายก่อนซื้อ แล้วไม่มียอดยกมา ก็จะมีการตรวจสอบไปยังบริษัทสมาชิก ให้บริษัทสมาชิกบอกหลักฐานการยืมว่า ณ เวลานั้น ก่อนการส่งคำสั่งซื้อขายมีการไปยืมหุ้นมาจากที่ไหนหรือไม่ จำนวนการยืม และต้องเป็นเวลาก่อนทำรายการขาย
ในอดีตเคยมีการตรวจพบ Naked Short Sell หรือ Short sell ที่มีความผิดปกติ แบ่งเป็น 2 กรณี คือ 1. Short sell ที่ผ่านมาตลท.พบข้อสงสัยบ้าง และได้มีการสอบถามไปยังบริษัทสมาชิก แต่ก็มีการแสดงหลักฐานครบถ้วน ทำให้ ณ เวลานี้การตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบการทำ Short sell ที่ผิดกฎหมาย 2. การส่งคำสั่งที่อาจไม่เหมาะสม หรือเข้าข่ายการทำราคา ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนประเภทใด ตลท.ทำการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ และใน Case ที่พบว่ามีการปั่นหุ้นจริงก็ได้มีการส่งข้อมูลให้กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้มีการลงโทษต่อไป
"ไม่ใช่ว่าเราไม่ทำอะไร เรามีการตรวจสอบตลอด ตรวจสอบทุก transactions และอยากจะเรียนว่าในปีนี้พวกเราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ฉะนั้น โปรดอย่ากังวล และหากนักลงทุนมีข้อสงสัยในกรณีใดๆ ให้ส่ง Case ดังกล่าวมาที่ Call Center ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เบอร์ 02-009-9999 เรายินดีที่จะตรวจสอบให้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน และเราจะแสดงให้เห็นเลยว่าสิ่งต่างๆ ที่ท่านสงสัย มันเป็นอย่างที่ท่านคิดหรือไม่ เนื่องจากเราต้องใช้ข้อมูลในการดูเรื่องเหล่านี้" นายภากร กล่าว
จากกรณีที่วอลุ่มเทรดของตลาดหุ้นไทยเป็นโปรแกรมเทรดอัตโนมัติสูงถึงราว 40% แต่วอลุ่มรวมกลับลดลง เทียบกับที่โปรแกรมเทรดยังอยู่ในระดับต่ำ การมีบทบาทที่มากขึ้นของโปรแกรมเทรด ทำให้กระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนรายย่อยหายไปหรือไม่นั้น นายภากร กล่าวว่า ในมุมมองของตลาดหลักทรัพย์ฯ อยากให้สัดส่วนนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีความกระจาย เช่น นักลงทุนรายย่อยในประเทศ คิดเป็น 1 ใน 3, นักลงทุนต่างประเทศ 1 ใน 3 และบล.ในประเทศ นักลงทุนสถาบัน คิดเป็น 1 ใน 3
แต่หากดูปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จะพบว่านักลงทุนต่างชาติ ที่เป็นโปรแกรมเทรดดิ้งเข้ามาได้เร็วเสมอ และเข้ามาได้ในจำนวนที่มาก ในขณะที่การจะเพิ่มฐานนักลงทุนในประเทศ หรือนักลงทุนสถาบันในประเทศ อาจต้องใช้เวลา ซึ่งตลท.ก็พยายามส่งเสริมการขยายฐานนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
และเมื่อดูปริมาณการซื้อขายทุกส่วนมีการเพิ่มขึ้นด้วยอัตราเร่งที่ไม่เท่ากัน ซึ่งเป็นโจทย์ที่ตลท.จะต้องหาวิธีว่าจะทำอย่างไรให้นักลงทุนในประเทศมีสัดส่วนที่มากขึ้นให้ได้ รวมกับ Steak Holder ในตลาด และจะทำอย่างไรให้นักลงทุนรายย่อยเข้ามาใช้โปรแกรมเทรดดิ้งได้ง่ายขึ้นสะดวกขึ้น
สำหรับกระแสข่าวที่มีนักลงทุนบางกลุ่มรวมตัวกันเพื่อหยุดเทรดในวันที่ 20 พ.ย.นี้เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจการทำงานของตลท. นั้น นายภากร มีความเห็นว่า ปัจจัยต่างๆ ที่นักลงทุนมีความวิตกกังวล ตลท.ก็มีความวิตกกังวลเช่นกันว่าตลาดหุ้นของเราเป็นตลาดที่มีประสิทธิภาพหรือไม่ ยังแข่งขันได้หรือไม่ หรือเป็นตลาดที่ทำให้แฟร์เกมเกิดขึ้นได้หรือไม่
ขอยืนยันว่า ทุกอย่างที่ตลท.ดำเนินการด้ตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้เสมอ หากแต่ว่าโลกของเรามีความเปลี่ยนแปลงมาตลอด เทคโนโลยี วิธีการทำงานต่างๆ หากทำแบบเดิมก็อาจไม่ได้ผล ต้องมีการปรับตัวให้สอดคล้องกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่อยากให้เชื่อมั่นตลท.และก.ล.ต. เราทำงานร่วมกัน เพื่อให้ตลาดมีความแฟร์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตลาดมีข้อมูลที่ดีที่สุด สามารถแก้ไขปัญหาได้ เพื่อให้นักลงทุนไม่ถูกเอาเปรียบได้
"สิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ความมั่นใจในวันนี้คือ เราพยายามกำกับดูแลให้นักลงทุนทุกประเภทให้เสมอภาพ สิ่งต่างๆ ที่ท่านมีความสงสัย อยากให้สอบถามเข้ามาผ่าน Call center เรายินดีอย่างยิ่งที่จะให้ข้อมูล วิเคราะห์ให้เห็น แสดงให้เห็นว่าสิ่งต่างๆ ที่ท่านได้ยิ่งมา มีข้อเท็จจริงอย่างไรบ้าง" นายภากร กล่าว