นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 67 จะเติบโตแตะ 3,000 ล้านบาท จากปีนี้มั่นใจทำได้เกิน 2,500 ล้านบาท โดย 9 เดือนของปี 66 มีรายได้แล้ว 2,258.97 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิปี 67 คาดจะเติบโตได้ต่อเนื่องจากปีนี้
ทั้งนี้ปัจจัยที่จะทำให้ปีหน้าเติบโต จะมาจากการที่บริษัทฯ สามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างโรงไฟฟ้า คาดว่า จะสามารถ COD เฟสแรก จำนวน 50 เมกะวัตต์ได้ภายในไตรมาส 2/67 ส่วนที่เหลืออีก 50 เมกะวัตต์ คาดจะ COD ได้ในปลายปี 67
โดยโครงการดังกล่าว TPCH ได้เข้าร่วมลงทุนกับ บริษัท แม่โขง พาวเวอร์ จำกัด (MKP) ในสัดส่วน 40% ซึ่ง MKP ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) จำนวน 100 เมกะวัตต์ กับรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (EDL) โดยมีระยะเวลา 25 ปีนับจากวันที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD)
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา PPA อีก 1 โครงการ ซึ่งจะเป็นโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศกัมพูชา ขนาด 180 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ไม่เกิน 3 เดือนจากนี้
ส่วนโรงไฟฟ้าภายใต้บริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด (SP) (TPCH ถือหุ้นในสัดส่วน 50% และกลุ่มนายทวี จงควินิต ถือหุ้นในสัดส่วน 50%) ล่าสุด ได้ดำเนินการเปิดโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ สยาม พาวเวอร์ (SP) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.5 เมกะวัตต์ และศูนย์การเรียนรู้การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากขยะมูลฝอย อีกทั้งปัจจุบันก็อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะ อบต.หนองสาหร่าย จ.นครราชสีมา ขนาด 9.9 เมกะวัตต์ คาดว่าปลายไตรมาส 1/67 จะสามารถเริ่มลงเสาเข็มได้ และจะ COD ได้ในปี 68 รวมถึงล่าสุดยังได้รับข่าวดี ชนะประมูลโครงการโรงไฟฟ้าขยะ ขนาด 9.9 เมกะวัตต์ เพิ่มอีก 1 โครงการ ก็คาดว่าจะสามารถ COD ได้ในปี 68
สยาม พาวเวอร์ ยังมีความสนใจเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน หรือโครงการ Quick Win 3 เพิ่มเติม โดยคาดว่าภาครัฐจะเปิดประมูลได้ในปี 67 ซึ่งบริษัทฯ ก็คาดหวังจะชนะประมูลใน 3 โครงการ กำลังการผลิตรวมราว 30 เมกะวัตต์
อย่างไรก็ตาม TPCH คาดมี PPA มากกว่า 500 เมกะวัตต์ในปี 67 แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวล, โรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงขยะ จำนวนรวม 140 เมกะวัตต์ และโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมในต่างประเทศ 340 เมกะวัตต์
ปัจจุบัน TPCH มีโรงไฟฟ้าที่ COD แล้ว ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวลและประเภทเชื้อเพลิงขยะ ทั้งสิ้น 13 โครงการ กำลังการผลิตรวม 122.30 เมกะวัตต์
พร้อมกันนี้ภายหลังจากการจำหน่ายหุ้นทั้งจำนวนที่บริษัทฯ ถืออยู่ในบริษัทย่อย หรือ กลุ่มบริษัทโรงไฟฟ้า ขนาดไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย
1.บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 1 จำกัด (TPCH 1) จำนวน 25,799,996 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 99.23% ของทุนจดทะเบียนของ TPCH 1
2.บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 2 จำกัด (TPCH 2) จำนวน 25,799,996 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 99.23% ของทุนจดทะเบียนของ TPCH 2
3.บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 5 จำกัด (TPCH 5) จำนวน 19,799,996 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 99.00% ของทุนจดทะเบียนของ TPCH 5
4. บริษัท อีโค เอ็นเนอร์ยี กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ECO) จำนวน 63,375,434 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 99.90% ของจำนวนทุนจดทะเบียนของ ECO
จะทำให้บริษัทฯ ไม่มีผลขาดทุนจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวแล้ว ส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรได้ดีขึ้น
นางกนกทิพย์ กล่าวว่า ด้านผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/66 บริษัทฯ คาดว่าจะเติบโต เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จาก โรงไฟฟ้าเดินเครื่องผลิตเต็มกำลัง และไม่มีผลขาดทุนจากโรงไฟฟ้าแล้ว รวมถึงจะมีการบันทึกกำไรพิเศษ จากการขายเงินลงทุนของโรงไฟฟ้า 4 แห่งดังกล่าวเข้ามาด้วย สนับสนุนให้กำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตโดดเด่น ขณะที่ 9 เดือนที่ผ่านมามีกำไรสุทธิอยู่ที่ 182.87 ล้านบาท มีการเติบโตกว่าปีก่อนทั้งปีที่ 173.13 ล้านบาท ไปแล้ว