นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า ในปี 67 บริษัทฯ มีแผนเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโรงไฟฟ้าแบบผสมผสาน อู่ตะเภา ขนาด 15 เมกะวัตต์, โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 2 จำกัด และ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 3 จำกัด กำลังการผลิตไฟฟ้าโครงการละ 140 เมกะวัตต์ รวมเป็น 280 เมกะวัตต์ โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) 180 เมกะวัตต์ กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. เป็นเวลา 25 ปี , โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ GIFU ขนาด 20 เมกะวัตต์ในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม แบบติดตั้งบนบก KOPOS ขนาด 20 เมกะวัตต์ ในประเทศเกาหลีใต้
ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการหาโครงการใหม่เข้ามาพัฒนา ทั้งในส่วนของโครงการ New Greenfield ที่มีการพัฒนาเอง และโครงการ Brownfield Projects ที่มีพาร์ทเนอร์ท้องถิ่นพัฒนาร่วมกัน ส่วน Gas turbine upgrade ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ในโครงการโรงไฟฟ้าอมตะ บีกริม เพาเวอร์ ระยอง 4 และ SSUT#1 ซึ่งหลังจากการ upgrade แล้ว จะทำให้มีกำลังการผลิตเหลือให้ลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) เข้ามา โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าจะมีลูกค้า IU เข้ามาเพิ่มอีก 50-60 เมกะวัตต์ ปี 67
สำหรับค่า Gas ปี 67 คาดเฉลี่ยอยู่ที่ 350-380 บาท/ล้านบีทียู (MMBTU) จากปีนี้คาดเฉลี่ยอยู่ที่ 400-450 บาท/MMBTU
ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตติดตั้ง และได้ COD แล้วรวม 3,830 เมกะวัตต์ และมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนารวม 4,268 เมกะวัตต์ โดยสัดส่วนหลักๆ ภายหลังจากก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่ม COD โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซฯ (Conventional) จะอยู่ที่ 71% และ Renewable 29%
อีกทั้งยังคงเป้าการขยายพอร์ตสู่กำลังการผลิต 10,000 เมกะวัตต์ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในปี 73 (ค.ศ.2030) และในส่วนนี้จะมีสัดส่วน Renewable ไม่ต่ำกว่า 50% ซึ่งจะสนับสนุนรายได้โตแตะ 1 แสนล้านบาทได้