นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งไซด์เวย์อัพสอดคล้องกับตลาดต่างประเทศ เนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันรีบาวด์กลับมา อีกทั้งตัวเลขข้อมูลเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัว ส่งผลให้บรรยากาศในสัปดาห์นี้คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 4.5% น่าจะหนุนให้ดัชนีปรับตัวขึ้นได้
นอกจากนี้ ในสัปดาห์นี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะเปิดเผยรายงานการประชุม เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม นักลงทุนคาดว่าว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อ และรอติดตามทิศทางตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 4/66 และไตรมาส 1/67
โดยหุ้นที่น่าจะรีบาวด์ต่อเนื่อง คาดว่าเป็นกลุ่มโรงไฟฟ้า เนื่องจากราคาน้ำมันตอนนี้อยู่ในระดับทรงตัวอยู่ที่ 75-85 เหรียญ ราคาก๊าซในอนาคตจะค่อยๆปรับลดลง ส่งผลบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า
นอกจากนี้ปัจจัยในประเทศติดตามความคืบหน้าดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งอยู่ระหว่างรอกฤษฎีกาตีความพ.ร.บ.กู้เงิน ซึ่งหากไม่เห็นด้วยรัฐบาลต้องกลับไปแก้ใหม่ ซึ่งตลาดคาดว่าต้องปรับจำนวนเม็ดเงินที่ใช้ เนื่องจากจำนวนอาจจะไม่มากอย่างที่คาด
พร้อมทั้งให้กรอบดัชนีแนวรับ 1,400 จุดและแนวต้าน 1,423 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (17 พ.ย.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,947.28 จุด เพิ่มขึ้น 1.81 จุด หรือ +0.01%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,514.02 จุด เพิ่มขึ้น 5.78 จุด หรือ +0.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,125.48 จุด เพิ่มขึ้น 11.81 จุด หรือ +0.08%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 33,559.62 จุด ลดลง 25.58 จุด หรือ -0.07% แต่หลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาที ดัชนีนิกเกอิดีดตัวขึ้น 138.52 จุด หรือ +0.41% แตะที่ระดับ 33,723.72 จุด ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,625.84 จุด เพิ่มขึ้น 171.65 จุด หรือ +0.98% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,056.93 จุด เพิ่มขึ้น 2.56 จุด หรือ +0.08%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 พ.ย.66) ที่ 1,415.78 จุด เพิ่มขึ้น 0.44 จุด (+0.03%) มูลค่าซื้อขาย 45,607.55
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 132.99 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 พ.ย.66.
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.(17 พ.ย.) พุ่งขึ้น 2.99 ดอลลาร์ หรือ 4.1% ปิดที่ 75.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 พ.ย.66) อยู่ที่ 6.42 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.18 ให้กรอบวันนี้ 35.05-35.30 ตลาดรอดูตัวเลข GDP จากสภาพัฒน์เช้านี้
- "เพื่อไทย" พรรคแกนนำรัฐบาลประกาศจุดยืนชัดเจนต้องเดินหน้าผลักดัน นโยบายแจก 10,000 บาท ดิจิทัลวอลเล็ตให้สำเร็จ เพราะเป็นนโยบายหลักของพรรค เป็นเดิมพัน การเมืองทั้งปัจจุบันและอนาคต "ทีดีอาร์ไอ" กังขาผลกระตุ้นเศรษฐกิจจากการแจกเงินดิจิทัล 5 แสนล้าน ชี้ตัวเลขเงินหมุน 3.3 เท่าไม่มีที่มา กางข้อมูลสถิติตัวคูณทางการคลังย้อนหลัง ชี้แจกเงินหมุนในระบบเศรษฐกิจได้ไม่ถึง 1 เท่า
- ภาคธุรกิจหวังเงินดิจิทัล 10,000 บาทปลุกใช้จ่าย รอความชัดเจนแนวทางใช้ แนะรัฐสร้างความโปร่งใส กระจาย ทั่วถึงชุมชนทั่วประเทศ ประเมินกลุ่มอุปโภค บริโภค สินค้าราคาสูง รับอานิสงส์ หวังมาตรการ ภาษี "อี-รีฟันด์" 50,000 บาท ควบคู่ หนุนเงินหมุน ในระบบเศรษฐกิจหลายรอบ ด้าน สทท.ลุ้นรัฐ เพิ่มเงื่อนไขใช้จ่าย "ท่องเที่ยว" ไม่ตกขบวน
- 3 เดือน "เศรษฐา" ปิดดีลบริษัทยักษ์ใหญ่ ดึงลงทุน 4 แสนล้าน บิ๊กเทคคอมพานีโลกรับปากตบเท้าเข้าไทย "กูเกิล-ไมโครซอฟท์-AWS" พร้อมขยายการลงทุนครั้งใหญ่ ขณะยักษ์ธุรกิจจีน พร้อมแข่งลงทุนดันไทยฮับการเงิน-โลจิสติกส์ภูมิภาค หอการค้าชี้โลกแข่งดุดึงการลงทุน จี้เร่งขยาย FTA จูงใจปักฐาน
- สัญญาณอันตรายอสังหาฯ 9 เดือนแรกบอบช้ำหนัก รับผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจซ้ำซาก เขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลยอดขายและกำไร -20% หวั่นปี'67 ตลาดดิ่งหนักกว่าเดิม ลุ้นรัฐบาลเศรษฐาออกมาตรการกระตุ้น อัดฉีดลดค่าโอน+จำนองจาก 3% เหลือ 0.01% ลดภาระจากล้านละ 3 หมื่น เหลือล้านละ 300 บาท ฟื้นนโยบายบ้านดีมีดาวน์ รัฐช่วยผ่อน 50,000 บาท หนึ่งแสนหลัง ปลดล็อก LTV ลดหย่อนภาษี 1 แสนบาท ดึงกำลังซื้อต่างชาติช็อปคอนโดฯ
- ผู้ว่าการ ธปท.ห่วงสินเชื่อเอสเอ็มอีกลับมาติดลบ ชี้ต้องยกระดับกลไกค้ำสินเชื่อให้ยืดหยุ่นขึ้น "ผู้ช่วยผู้ว่าการ" เปิดตัวเลขหลังโควิดสินเชื่อ SMEs ติดลบ 4 ไตรมาสรวด เฉลี่ยหดตัว -5% เหตุ 4 ปัจจัยแบงก์เข้ม ปล่อยกู้ ธปท.เผยอยู่ระหว่างศึกษากลไกค้ำประกันที่เปิดกว้าง-ครอบคลุมมากขึ้น ยกโมเดลต้นแบบ "เกาหลี-ไต้หวัน-มาเลเซีย" หวังช่วยเหลือเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ดีขึ้น
*หุ้นเด่นวันนี้
- SPRC (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า 10.40 บาท ได้ Sentiment บวกราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวแรง เช่นเดียวกับค่าการกลั่นที่ปรับขึ้นต่อเนื่องโดยสัปดาห์ทีผ่านมาค่าการกลั่นปรับขึ้นสู่ระดับ 7 เหรียญ/บาร์เรล เทียบกับเมื่อช่วงปลายเดือน ต.ค. ที่ 3 เหรียญ/บาร์เรล นับเป็นการปรับขึ้นแบบเท่าตัว
- ITC (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 24.50 บาท กำไรสุทธิ 3Q66 อยู่ที่ 645 ลบ. +45% QoQ, -56% YoY แม้ภาพ YoY ยังหดตัวจากฐานที่สูง แต่ภาพ QoQ ฟื้นตัวได้ชัดเจนจากการที่คู้ค้ากลับมาสต็อกสินค้าอีกครั้ง โดยเฉพาะในตลาดเอเชีย-โอเชียเนียและอื่นๆ ที่ยอดขาย +30%QoQ +1%YoY จากสินค้าใหม่ในไทยและญี่ปุ่น รวมไปถึงตลาดใหม่อย่างจีนที่ contribute สัดส่วนขึ้นเป็น 5.7% ส่วนการดำเนินงานช่วงถัดไป คาดว่ายังจะฟื้นตัวต่อได้ในแง่ของ QoQ ทั้งจากยอดขายและมาร์จิ้นที่กดดันน้อยลงจากต้นทุนราคาปลาทูน่าลดลง คาดปี 66 และ 67 กำไรสุทธิอยู่ที่ 2,149 ลบ.(-52%YoY) และ 2,975 ลบ.(+38%YoY)
- WHA (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 5.80 บาท คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/66 จะเป็นจุดสูงสุดของปี โดยมีแรงหนนุจากการโอนที่ดินที่โดดเด่น, ธุรกิจน้ำปรับตัวดีขึ้น หลังลูกค้ากลับมาดำเนินการได้ตามปกติ ส่วนธุรกิจไฟฟ้าดีขึ้นตาม GHECO-ONE อีกทั้งจะมีการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT ราว 3.5 พันล้านบาท การยื่นขอ BOI ของนักลงทุนต่างชาติปรับขึ้นเด่น โดยช่วง 9 เดือนปี 66 +48%y-y คาดจะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม