ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ต่อยอดธุรกิจกับ ฮั่วเซ่งเฮง พัฒนาแอปพลิเคชันซื้อ-ขายทองคำแท่งแบบเรียลไทม์ ด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ลดความเสี่ยงจากค่าเงินผันผวน ลงทุนง่ายเริ่มต้นเทรดแค่ 0.1 ทรอยออนซ์ สะดวกสุดเพียงเปิดบัญชีผ่านแอปฯ บนมือถือ ไม่ต้องไปสาขา เทรดกันแบบจุกๆ กับโปรโมชันพิเศษ ฟรีค่าธรรมเนียมตั้งแต่ 20 พ.ย.66-30 มิ.ย. 67
นายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ BBL เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาธนาคารและกลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง ในฐานะผู้นำตลาดทองคำ ได้พัฒนาความร่วมมือระหว่างกันเพื่อสร้างสรรค์การลงทุนในทองคำรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะการพัฒนาแพลตฟอร์ม Hua Seng Heng USD Gold Trade ที่เป็นการลงทุนรูปแบบซื้อ-ขายทองคำแท่ง 99.99% Gold Spot ด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) ผ่านบัญชีเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศ (FCD) ของธนาคารกรุงเทพ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของประเทศไทย
การลงทุนดังกล่าวจะอ้างอิงราคาทองคำ Live Gold Spot แบบเรียลไทม์จึงช่วยลดแรงกดดันของอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจกระทบต่อการลงทุน เนื่องจากไม่ต้องแปลงค่าเงินเป็นเงินบาททุกครั้งที่ซื้อ-ขาย ช่วยเพิ่มความคุ้มค่าให้แก่นักลงทุนและทำธุรกรรมได้สะดวกแบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์
ล่าสุด ธนาคารและกลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง ได้ต่อยอดธุรกิจและเปิดตัวแอปพลิเคชัน Hua Seng Heng USD Gold Trade เพื่อเพิ่มความสะดวกในการลงทุน โดยยังคงเป็นการซื้อ-ขายทองคำแท่ง 99.99% แบบออนไลน์เรียลไทม์เช่นเดิม แต่ได้ขยายมูลค่าการซื้อ-ขายทองคำต่อครั้งให้เลือกลงทุนได้หลากหลายขึ้น โดยเริ่มต้นขั้นต่ำเพียง 0.1 ทรอยออนซ์ และสูงสุด 200 ทรอยออนซ์ ต่อการซื้อ-ขายแต่ละครั้ง (คิดเป็นมูลค่าประมาณ 7,000 บาท-13 ล้านบาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับราคาทองคำ ณ ช่วงเวลานั้น) จากเดิมที่กำหนดไว้ 1-100 ทรอยออนซ์ต่อครั้ง
นอกจากนี้ ลูกค้ายังเลือกแบ่งขายทองคำในแต่ละรายการที่ได้ลงทุนไว้ก่อนหน้าได้ด้วย จึงช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและบริหารการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังมอบสิทธิพิเศษให้แก่ลูกค้าที่เทรดผ่านแอปฯ สามารถถอนทองคำจากพอร์ต เป็นเหรียญทองคำ 99.99% ซึ่งเป็นความพิเศษเฉพาะที่ทาง ฮั่วเซ่งเฮง ได้ออกแบบใหม่ให้แก่ลูกค้าอีกด้วย
"บริการนี้สะท้อนถึงความร่วมมือที่แนบแน่นระหว่างธนาคารกรุงเทพ และกลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮงที่ได้ทำงานร่วมกันมาหลายปี โดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ จึงนำมาสู่การลงทุนในทองคำด้วยบัญชีเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศ เพื่อช่วยลดความผันผวนของค่าเงินบาท จนต่อยอดมาสู่การพัฒนารูปแบบการลงทุนให้มีทางเลือกมากขึ้น ลดข้อจำกัดลง และแพลตฟอร์มใหม่ที่อำนวยความสะดวกมากขึ้น" นายชาญศักดิ์ กล่าว
นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผยว่า การลงทุนในทองคำได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยความไม่สงบทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงปัจจัยด้านเศรษฐกิจการเงินของแต่ละประเทศที่ได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อและนโยบายด้านการเงินต่างๆ ทำให้มีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่หันมาลงทุนทองคำเพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนของตนเอง นอกจากนี้ ในช่วงปลายปีและไตรมาสแรกของปี มักจะเป็นช่วงที่ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากความต้องการทองคำตามปัจจัยฤดูกาลของเอเชีย อย่างไรก็ตาม ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อราคาทองคำแท่งในประเทศ และอาจทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในทองคำไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
"เราประเมินว่าแนวโน้มราคาทองคำในระยะยาวยังเป็นขาขึ้น โดยปีนี้ราคาทองคำแท่งในประเทศสร้าง All-time high จากเงินบาทที่อ่อนค่า โดยราคาทองคำแท่งขายออกของสมาคมค้าทองคำขึ้นไปถึง 34,250 บาท และในปีหน้าเงินบาทมีแนวโน้มจะแข็งค่าขึ้นและเงินดอลลาร์สหรัฐอาจกลับทิศทางอ่อนค่าลง นักลงทุนจึงต้องระมัดระวังผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงิน ดังนั้น การเลือกลงทุนซื้อ-ขายทองคำในรูปแบบสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะช่วยลดผลกระทบตรงนี้ได้ และยิ่งทำให้การลงทุนในทองคำมีเสน่ห์มากขึ้นอีกด้วย กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮงและธนาคารกรุงเทพ จึงร่วมกันพัฒนาแอปพลิเคชัน Hua Seng Heng USD Gold Trade นี้เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่นักลงทุน ทั้งยังเปิดบัญชีเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศกับธนาคารกรุงเทพได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องไปทำธุรกรรมที่ธนาคาร สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่ติดตามข่าวสารการลงทุนทั่วโลกอยู่ตลอดเวลา" นายธนรัชต์ กล่าว