หุ้น OTO พุ่ง 29.11% มาอยู่ที่ 1.02 บาท เพิ่มขึ้น 0.23 บาท เมื่อเวลา 16.32 น.ด้วยมูลค่าซื้อขาย 181.72 ล้านบาท
ขณะที่ AQUA พุ่ง 29.03% หรือเพิ่มขึ้น 0.09 บาท มาอยู่ที่ 0.40 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 64.18 ล้านบาท
บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่น (AQUA) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เช้านี้ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนใน บมจ.วันทูวัน คอนแทคส์ (OTO) จำนวนไม่เกิน 466,666,667 หุ้น (หุ้น PP) และการได้มาซึ่งใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของ OTO ครั้งที่ 2 (OTO-W2) จำนวนไม่เกิน 212,121,212 หน่วย โดยไม่มีค่าตอบแทน
หุ้น OTO ที่ AQUA จะเข้าซื้อ ในกรณีที่มีการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของ OTO ครั้งที่ 1 และ OTO-W2 เต็มจำนวน จะคิดเป็น 23.04% ได้แก่ 15.84% สำหรับหุ้น PP และ 7.20% สำหรับหุ้นสามัญที่จะได้มาจากการใช้สิทธิ OTO-W2 ของทุนจดทะเบียนภายหลังการเพิ่มทุนทั้งหมดของ OTO โดยบริษัทจะชำระค่าตอบแทนเป็นเงินสดไม่เกิน 280 ล้านบาท หรือไม่เกิน 0.60 บาทต่อหุ้นสำหรับหุ้น PP ให้แก่ OTO และหากบริษัทใช้สิทธิตาม OTO-W2 ในราคาใช้สิทธิที่ 1.30 บาทต่อหุ้น บริษัทฯ จะต้องชำระราคาใช้สิทธิให้แก่ OTO อีกไม่เกิน 275,757,576 บาท ดังนั้น มูลค่าของสิ่งตอบแทนทั้งหมดจะมีจำนวนรวมไม่เกิน 555,757,576 บาท
นายชัยพิพัฒน์ แก้วไตรรัตน์ กรรมการผู้จัดการ AQUA เปิดเผยว่า บริษัทยังคงมุ่งเน้นการเข้าลงทุนในธุรกิจที่หลากหลายและมีแนวทางการเติบโตที่จับต้องได้ในอนาคต จึงได้เจรจา ศึกษา และมีมติให้เข้าลงทุนใน OTO ให้พลิกฟื้นสู่ยุคใหม่ โดยเราจะใช้ศักยภาพ ประสบการณ์ด้านการเงินการลงทุนที่มีมา Lead ให้ธุรกิจของ OTO เติบโตก้าวหน้าไปในทิศทางที่ดีกว่าที่เคยมีมา ซึ่งการเข้าลงทุนครั้งนี้ยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับบริษัทฯ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนประมาณ 280,000,000 บาท หรือจำนวนไม่เกิน 466,666,667 หุ้น (หุ้น PP) พร้อมเตรียมรับสิทธิ Warrant ฟรี พร้อมผู้ถือหุ้นปัจจุบันของ OTO ทุกคน"
"AQUA มองเห็นถึงความสำคัญของระบบ Smart Call Center และยังคงให้ความสนใจในธุรกิจ P2P (Peer-to-Peer Lending) ที่เป็นธุรกิจหลักของ OTO ณ ปัจจุบัน ทั้งยังเป็นการกระจายความเสี่ยงแก่ AQUA ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ในขณะที่ AQUA จะก้าวขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ OTO ก็พร้อมให้คำปรึกษาด้านการบริหาร และสนับสนุนให้เกิด Synergy แบบรอบด้าน"
ขณะที่ OTO แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียน 2,106,016,595 บาท จากเดิม 839,999,995 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 2,946,016,590 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ 2,106,016,595 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) และเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ OTO-W2
บริษัทจะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 906,016,595 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิ OTO-W2 และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 1,200,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อเสนอขาย PP ให้แก่บุคคล 6 ราย ในราคา 0.60 บาท ได้แก่
1. AQUA 466,666,667 หุ้น
2. ม.ร.ว.จุลรังษี ยุคล 308,333,333 หุ้น
3. นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา 125,000,000 หุ้น
4. นายปฏิพล ประวังสุข 100,000,000 หุ้น
5. นายอาดาม อินสว่าง 100,000,000 หุ้น
6. นางสาวรฐา วีระพงษ์ 100,000,000 หุ้น
ทั้งนี้ AQUA จะส่งตัวแทนเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัทด้วย
สำหรับการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวเป็นการเสนอขายหุ้นที่คณะกรรมการบริษัทมีมติกำหนดราคาเสนอขายไว้อย่างชัดเจนเพื่อเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณากำหนดราคาเสนอขายเท่ากับหุ้นละ 0.60 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 720,000,000 บาท
ส่วนใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 2 (OTO-W2) มีจำนวนไม่เกิน 906,016,595 หน่วยจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทในอัตราส่วน 11 หุ้นสามัญเดิมต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ OTO-W25 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า อัตราการใช้สิทธิ ใบสำคัญแสดงสิทธิ OTO-W21 หน่วย มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญบริษัทได้ 1 หุ้น ราคาการใช้สิทธิ 1.3 บาทต่อหุ้น
นายจิรายุ เชื้อแย้ม ประธานกรรมการบริหาร OTO ระบุว่า บริษัทสร้างเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของบริษัทฯ เพื่อเฟ้นหาธุรกิจที่จะเข้ามาเป็นรายได้หลักที่มั่นคง จึงปักหมุดนำธุรกิจ "Smart Call Center" และ "P2P Lending Platform" เข้ามาพร้อมรวมทีมบริหารที่มากด้วยประสบการณ์ ความสามารถเพื่อมุ่งสร้างพลัง Synergy ให้เกิดเป็นนวัตกรรมใหม่อื่นๆในอนาคต
ธุรกิจแรก งาน call center ยังเป็นบริการที่มีความต้องการสูงในแทบทุกองค์กร ที่อำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการติดต่อกับบริษัทต่างๆโดยตรง OTO จะนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการทำงานให้มีความแม่นยำ ปลอดภัย ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ผนวกกับการนำ BigData มาร่วมประมวลผล สร้างประสิทธิภาพสูงสุดแก่ลูกค้า เรียกว่าเป็นการให้บริการธุรกิจ "Smart Call Center" ยกระดับงานให้ตอบรับกระแสความก้าวหน้าทันเทคโนโลยีมากขึ้น
สองคือการมุ่งสู่ธุรกิจที่ทางบริษัทฯ รวมถึงทีมบริหารมีความถนัดและมุ่งมั่นอยู่แล้ว เพื่อสร้าง Growth แก่องค์กร คือธุรกิจ peer to peer lending platform (P2P) โดยบริษัทฯ ได้เข้าซื้อธุรกิจ P2P "Nestify" อยู่ระหว่างรอการอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) OTO พร้อมต่อยอดนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนาให้ 2 ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ เกิดการ Synergy อย่างแข็งแกร่ง และเพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆแก่สังคม สร้างความมั่นคงด้านรายได้ให้แก่บริษัทฯ ต่อไป
OTO เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 และกำหนดวันประชุมในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 (Record Date) ในวันที่ 15 มกราคม 2567