สมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย (TIHTA) ร่วมกับ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด (นีโอ) เปิดงาน ?Asia International Hemp Expo and Forum 2023? อย่างเป็นทางการ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในงานพร้อมจัดแสดงสินค้า-นวัตกรรม เปิดเวทีสัมมนาและเจรจาธุรกิจกัญชงระดับนานาชาติเพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมกัญชงของเอเชีย ผลักดันให้อุตสาหกรรมกัญชงไทยเติบโตด้วยแนวคิด ?Growing Hemp Industries Together? สู่พืชเศรษฐกิจแห่งความยั่งยืนสอดคล้องบริบทโลก
การจัดงาน Asia International Hemp Expo & Forum 2023 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-25 พฤศจิกายน 2566 คาดว่าจะมีผู้ชมที่สนใจเข้าร่วมชมงานทั่วโลกกว่า 80 ชาติทั่วโลก หรือประมาณ 10,000 คน และสร้างมูลค่าเงินภายในงานสูงถึง 8,000 ล้านบาท
นายพรชัย ปัทมินทร นายกสมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯได้เชื่อมโยงภาคอุตสาหกรรมในหลายมิติทั้งทางด้านการพัฒนานวัตกรรมองค์ความรู้ ด้านการตลาดที่สร้างความตื่นตัวทั้งในและต่างประเทศโดยเฉพาะอุตสาหกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสินค้าและบริการในกลุ่มสีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อมขยายตัวเพิ่มขึ้น คาดว่ามีมูลค่าสูงถึง 16 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2040
โดยพืชกัญชงในอุตสาหกรรมสีเขียว อาทิ วัตถุดิบเส้นใยหรือไฟเบอร์ ถูกนำมาพัฒนาในลักษณะของวัสดุทดแทน ช่วยลดเรื่องการใช้พลังงาน เป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกใหม่ของการสร้างวัสดุน้ำหนักเบาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันมีความเหนียว ทนทาน สามารถต่อยอดเป็นวัสดุคอมโพสิทจากธรรมชาติ Natural-Fibre Composites (NFC) ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีศักยภาพในการทดแทนเส้นใยสังเคราะห์ได้ ทำให้กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความยั่งยืนตามเทรนด์เศรษฐกิจโลก จากนโยบายร่วมของระดับสากลที่เน้นเรื่อง sustainable development goals หรือการมุ่งสู่ความยั่งยืนทางทรัพยากรและธุรกิจ
ขณะที่ด้านสุขภาพมีการเติบโตในอัตราเร่งอย่างมีนัยสำคัญในช่วงระยะ 5 ปีถัดไปนับจากนี้ โดยได้ปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจ Healthcare ที่ขยายตัวสอดรับการเปลี่ยนแปลงในหลายประเทศที่ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ หรือกลุ่มที่มีอาการป่วยที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อาทิ การนอน ปวดเมื่อย เครียด วิตกกังวล เป็นต้น โดยกลุ่มดังกล่าวมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในประเทศไทยพบผู้ที่มีปัญหาการนอนไม่หลับกว่า 21 ล้านคน และทั่วโลกมากถึง 2,000 ล้านคน มูลค่าตลาดกลุ่มผู้ที่มีปัญหาเรื่องคุณภาพการนอนทั่วโลกในปี 2567 คาดว่ามีแนวโน้มเติบโตถึง 585,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสารสำคัญ CBD และ THC มีคุณสมบัติในการนำมาใช้ได้ตรงและเห็นผล จึงเกิดการพัฒนาในการนำมาใช้รักษาและใช้ในรูปแบบอาหารเสริมมากขึ้น กลุ่มนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในอุตสาหกรรมสุขภาพ ทำให้ประเมินได้ว่าเป็นอุตสาหกรรมที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคตและเป็นโอกาสอย่างยิ่งของประเทศไทย
"ผมมองว่าอุตสาหกรรมกัญชงยังมีโอกาสอีกมากจากการปรับตัวของหลากหลายอุตสาหกรรม ฉะนั้นเมื่อมีโอกาสการเตรียมความพร้อมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะโอกาสเหล่านี้ก็มาพร้อมความท้าทายเช่นกัน ซึ่งอุตสาหกรรมกัญชงในแต่ละประเทศยังคงมีโจทย์ความท้าทายที่แตกต่างกัน สำหรับภาพรวมของประเทศไทยถือว่ามีความแข็งแรงในศักยภาพด้านการผลิต การพัฒนาที่ต่อเนื่อง กฎระเบียบที่เปิดกว้างมากกว่าหลายๆประเทศในภูมิภาค และจากระยะเวลาที่ผ่านมาที่ทางสมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทยได้เชื่อมโยงพันธมิตรหลายๆประเทศชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางกัญชงของภูมิภาคเอเชียได้ เพียงแต่ต้องมีการสร้างมาตรฐาน คุณภาพ ความยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรม จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่ออุตสาหกรรมกัญชงไทยและเติบโตได้ในเวทีโลกครับ" นายพรชัย กล่าว
Asia International Hemp Expo and Forum 2023 ในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ?Growing Hemp Industries Together? เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมกัญชงไทยเติบโตด้วยมาตรฐานไปพร้อมกันกับเวทีโลก ในภาคอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ โดยเพิ่มพื้นที่การจัดงานมากกว่า 30% จากปีก่อน รองรับการจัดแสดงสินค้า เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านกัญชงในระดับอุตสาหกรรมตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำจนถึงปลายน้ำใน 14 กลุ่มอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ใน Application ด้านต่างๆ ที่มีมาตรฐานสูงขึ้น เป็นผลิตภัณฑ์ที่พร้อมพัฒนาสู่การทำการตลาด รวมถึงความพร้อมในการเป็นฐานการผลิตของภูมิภาค
ไฮไลท์ในงาน ได้จัดให้มีส่วนการแสดงพิเศษ ?Hemp for Living? ผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์จากวัตถุดิบกัญชง เพื่อเพิ่มมูลค่าด้วยงานดีไซน์จากนักออกแบบระดับชาติ, การเปิดเวทีจับคู่พันธมิตรการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ, การจัดสัมมนาระดับชาติที่รวบรวมวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญในแวดวงกัญชงกว่า 40 ท่านจาก 15 ประเทศ ร่วมวงเสวนาในหัวข้อที่สำคัญภายใต้แนวคิด Hemp For Change บริบทของกัญชงในการปรับและเปลี่ยน เพื่อโอกาสและนวัตกรรม สำหรับชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า พร้อมด้วยการส่งเสริมรูปแบบเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน BCG