นายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) พร้อมด้วยนายทวิโรจน์ ทรงกำพล ประธานเจ้าหน้าที่สายกลยุทธ์องค์กร บมจ. การบินไทย (THAI) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เรื่อง การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) สำหรับเที่ยวบินนำร่อง และความร่วมมือในอนาคตระหว่าง OR และ THAI
นายสุชาติ กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง OR และการบินไทยในครั้งนี้ เป็นการนำน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) ไปใช้ในอุตสาหกรรมการบินสำหรับเที่ยวบินนำร่องของการบินไทย ซึ่งจะมีพิธีเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน ณ ท่าอากาศยานภูเก็ตในเดือน ธ.ค.นี้ อีกทั้งยังสอดคล้องกับแนวทางการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนของ OR หรือ OR SDG โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน "G" หรือ "GREEN" ที่มุ่งสร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ (Healthy Environment) เพื่อตอบโจทย์การตั้งเป้าที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon-Neutrality) ภายในปี ค.ศ.2030
ประกอบกับการที่ OR ในฐานะหนึ่งในสมาชิกที่ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการศึกษา พัฒนาและลงทุนผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) ระหว่างกลุ่ม ปตท. ร่วมกับ บมจ.ปตท. (PTT) บมจ.ไทยออยล์ (TOP), บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) และ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ที่ผ่านมาในวันที่ 9 พ.ย.65 ที่มีความตั้งใจเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเพื่อดำเนินธุรกิจที่เติบโตควบคู่กับความยั่งยืนของโลก มุ่งมั่นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon) ภายในปี ค.ศ.2050
นายทวิโรจน์ เปิดเผยว่า การบินไทยร่วมมือกับ OR ในการนำเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน : Sustainable Aviation Fuel (SAF) มาใช้กับเครื่องบินของการบินไทย เพื่อแสดงถึงการมีส่วนร่วม ส่งเสริม และสนับสนุน ให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึงความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม โดยช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอุตสาหกรรมการบินลงได้
การบินไทยมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนความคิดริเริ่มในการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี พ.ศ.2593 หรือค.ศ. 2050 และเป็นการปฏิบัติตามมาตรการขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization: ICAO) และสมาคมการบินระหว่างประเทศ (International Air Transport Association: IATA) ทั้งยังสอดคล้องกับที่สหภาพยุโรปกำหนดสัดส่วนการผสมเชื้อเพลิง SAF ในน้ำมันอากาศยานที่จะทำการบินออกจากสนามบินในสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย