นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เบื้องต้นคาดว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันพรุ่งนี้จะมีการพิจารณาเห็นชอบมาตรการกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนและประชาชน ผ่านโครงการ e-Refund ที่จะเปิดให้ผู้เสียภาษีสามารถซื้อสินค้าได้ภายในมูลค่าไม่เกิน 5 หมื่นบาท และนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ ส่วนรายละเอียดของของโครงการทั้งหมดคงต้องรอความชัดเจนจาก ครม. อีกครั้ง
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลักเกณฑ์เบื้องต้นยังคล้ายกับโครงการที่ได้ดำเนินการไปในปีก่อน คือ ให้นำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้ามาหักลดหย่อนภาษีได้ แต่ต้องเป็นค่าซื้อสินค้าหรือบริการที่มีใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ของกรมสรรพากรเท่านั้น
ส่วนรายละเอียดและความชัดเจนต่าง ๆ ที่มีกระแสข่าวว่าจะรวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวไปด้วยหรือไม่นั้น นายลวรณ กล่าวว่า อยากให้รอฟังจาก ครม. อีกครั้ง
"คลังได้ส่งเรื่องไปยังเลขาธิการ ครม. เรียบร้อยแล้ว ส่วนเงื่อนไขต่าง ๆ ทั้งเรื่องสินค้าและบริการที่สามารถเข้าร่วมโครงการได้นั้น อยากให้รอฟังความชัดเจนจาก ครม. ดีกว่า แต่แนวทางเบื้องต้นจะคล้ายกับโครงการช้อปดีมีคืนที่ได้ดำเนินมาเมื่อปีก่อน ที่ให้นำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าจากร้านค้าที่สามารถออกใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์มาหักลดหย่อนภาษี โดยเป็นการยื่นลดหย่อนภาษีในปี 2568" นายพรชัย กล่าว
ทั้งนี้ นายพรชัย คาดว่าหากโครงการ e-Refund ผ่านความเห็นชอบของ ครม. แล้วยังต้องมาดูเรื่องระยะเวลาที่จะประกาศใช้ เพราะอาจต้องดำเนินการทางข้อกฎหมาย ทั้งการออกกฎหมาย หรือแก้ไขข้อกฎหมายในส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้รองรับกันด้วย แต่เบื้องต้นไทม์ไลน์ที่รัฐบาลวางไว้ คือ ช่วงต้นปี 67
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้รัฐบาล ระบุว่า โครงการ e-Refund เป็นหนึ่งในโครงการที่รัฐบาลพยายามคิดให้ครอบคลุมการกระตุ้นเศรษฐกิจ และรองรับประชาชนที่ไม่ได้รับสิทธิจากมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทให้มาใช้โครงการนี้แทน ซึ่งจะเป็นโครงการที่เข้ามาเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ