นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซาบีน่า (SABINA) เปิดเผยว่า หลังจาก SABINA ทำกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 ที่ระดับ 118.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติกำไรรายไตรมาสสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่า ผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 มีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยสนับสนุนหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเมกะแคมเปญ 11.11 ที่บริษัทฯ ผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ชั้นนำ ทั้งช้อปปี้และลาซาด้า และสินค้าแบรนด์ SABINA สามารถยืนหนึ่ง เป็นสินค้าในกลุ่มแบรนด์แฟชั่นที่มียอดขายสูงสุดบนทุกแพลตฟอร์มได้อีกครั้ง
"ในไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตทางช่องทางออนไลน์ (NSR : Non Store Retailing) สูงถึง 56.7% ขณะที่ไตรมาสที่ 4 ซึ่งมีเมกะแคมเปญ 11.11 ที่ทุกแพลตฟอร์มออนไลน์จัดแคมเปญอย่างยิ่งใหญ่ และ SABINA ก็สามารถทำยอดขายสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งได้อีกครั้ง ทำให้เรามั่นใจว่า เมื่อปิดงบไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ยอดขายในช่องทางออนไลน์จะยังคงเติบโตอย่างโดดเด่น ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย แต่หมายรวมถึงการขายผ่านช่องทางออนไลน์ในภูมิภาค ซึ่งสินค้าของ SABINA ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับกลุ่มลูกค้าในอาเซียน ทั้งจากการดีไซน์ที่โดดเด่น การพัฒนานวัตกรรมที่ทำให้ชุดชั้นใน SABINA สวมใส่สบายเหมือนไม่ได้ใส่บรา รวมถึงกลยุทธ์ Collaboration ในการผนึกความร่วมมือกับเจ้าของผลงานที่สร้างสรรค์คาแรคเตอร์ซึ่งเป็นที่นิยมในระดับโลก ที่สามารถสร้างกระแสและสร้างยอดขายได้อย่างถล่มทลายมาแล้วหลายคอลเลคชั่น" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าว
ล่าสุด SABINA ยังหวนกลับมาทำการตลาดด้วยการวางแผนสื่อโฆษณาในละครสุดฮิต "พรหมลิขิต" หลังจากที่เคยประสบความสำเร็จจากการวางสื่อโฆษณาในละคร "บุพเพสันนิวาส" ที่กระแส "ออเจ้า" สนับสนุนยอดขายสินค้า SABINA อย่างคักคึก ซึ่งในขณะนี้กระแสของละครที่เป็นภาคต่อก็ถือว่าแรงไม่แพ้ภาคแรก โดยยังสามารถครองเรทติ้งสูง ทั้งสำหรับผู้ชมที่ดูสดผ่านโทรทัศน์และดูผ่านออนไลน์ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ซึ่งการกลับมาทำตลาดด้วยการวางสื่อโฆษณาในละครของ SABINA ครั้งนี้ สะท้อนความยืดหยุ่นของแนวทางการทำตลาดของ SABINA ที่สามารถปรับเปลี่ยน เพื่อที่จะรุกเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายตามกระแสได้อย่างทันท่วงที
นอกจากปัจจัยที่ได้กล่าวมาแล้ว ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ SABINA ยังมีคอลเลคชั่นใหม่ที่รอเปิดตัว ซึ่งมั่นใจว่า จะเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ที่จะออกมารองรับกับช่วงเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการจับจ่ายใช้สอยของภาครัฐ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญในช่วงปลายปี และทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่า เป้าหมายการเติบโตที่วางไว้ที่ 10-15% จากปีก่อน มีโอกาสที่จะสูงเกินกว่าเป้าหมาย และส่งผลให้บริษัทฯ สามารถทำรายได้สูงกว่า 3,295 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้สูงสุดที่เคยทำไว้ในปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเท่ากับว่า ในปีนี้บริษัทฯ จะสามารถทำรายได้ได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกด้วย