นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดยอดขายน้ำมันในปี 67 เติบโต Double Digits เป็นไปตามธุรกิจ Oil และ Non Oil ที่เติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
ทั้งนี้ธุรกิจ Oil บริษัทฯ จะมุ่งบริหารจัดการให้มีต้นทุนบริหารต่ำที่สุด และไปรุกขยายธุรกิจ Non Oli มากขึ้น เพื่อปิดความเสี่ยงค่าการตลาด หลังจากที่ภาครัฐเตรียมเข้ามาควบคุมค่าการตลาดไม่ให้สูงเกิน 2 บาท ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ระหว่างศึกษาว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง คาดว่าในปีหน้าจะเห็นความชัดเจนได้ รวมถึงยังมองโอกาสขยายไปในธุรกิจอื่นๆ ที่สอดคล้องกับ ESG เพื่อสร้างรายได้และอัตรากำไร เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์, Food and Beverage, พลังงานสะอาด หรือไฟแนนซ์ เป็นต้น
โดยในอนาคตเตรียมลงทุนในธุรกิจพลังงานทางเลือกมากขึ้น เห็นได้จากการเติบโตของผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยยอดสะสมยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนเฉพาะกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมีจำนวนกว่า 57,000 คัน (เพิ่มขึ้นกว่า 500% เทียบกับสิ้นปีก่อนหน้า) บริษัทฯ จึงเล็งเห็นความสำคัญในกลุ่มที่ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างมาก และได้ขยายจุดชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า Elex by EGAT Max ที่ได้ร่วมกับ กฟผ.อย่างต่อเนื่องโดยคาดว่าในปี 66 จะมี 62 จุดชาร์จ ครอบคลุมเส้นทางหลักทั่วประเทศ
ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะเพื่อชุมชนอำเภอบ้านพรุ จังหวัดสงขลา ซึ่งขณะนี้ได้รับสัญญาซื้อขายไฟเรียบร้อยแล้ว และอยู่ในช่วงเริ่มเข้าพื้นที่ก่อสร้าง โดยคาดว่าจะช่วยสร้างรายได้ในปี 68
นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG มองค่าการตลาดในปี 67 น่าจะวิ่งเข้าสู่จุดสมดุล โดยยังเชื่อมั่นว่า ทุกภาคส่วนสามารถเติบโตไปด้วยกันได้ ทั้งภาคประชาชน และผู้ประกอบการ หากผู้ประกอบการไปต่อไม่ได้ ก็สร้างความเดือดร้อนได้เช่นกัน
"เราเคยเจอมาแล้วก่อนหน้านี้ ที่มีการนำเอาน้ำมันดีเซลไปผลิตไฟฟ้า ส่งผลให้น้ำมันดีเซลขาดตลาด ก็สร้างความปวดหัวในกับภาครัฐเหมือนกัน จึงมองว่าทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน มุ่งเน้นการใช้น้ำมันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มากกว่าขอใช้น้ำมันราคาถูก เนื่องจากรัฐบาลก็จะเอาเงินจากภาษีประชาชนเข้ามาช่วยอุดหนุน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะนำมาช่วยกลุ่มผู้ใช้น้ำมันด้านเดียว เพราะประเทศยังมีภาระด้านอื่นๆ ขณะเดียวกันก็เป็นไปไม่ได้อีกที่ภาคเอกชนจะไปเอาเปรียบภาคประชาชน โดยยังเชื่อมั่นว่าค่าการตลาดปี 67 จะวิ่งเข้าสู่จุดที่สมดุล ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เราจะบริโภคน้ำมันราคาถูก โดยมีค่าการตลาดต่ำที่สุดในโลก มันอยู่ด้วยกันไม่ได้ และเราก็เห็นแล้วว่าผู้ประกอบการต่างประเทศก็ออกไปเกือบหมดแล้ว" นายรังสรรค์ กล่าว
นายพิทักษ์ กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/66 คาดจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจน้ำมัน และเป็นฤดูกาลของการเดินทางท่องเที่ยวและเก็บเกี่ยวผลผลิตทำให้มีปริมาณความต้องการใช้กลับมาอีกครั้ง ส่งผลให้มีปริมาณขายน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับค่าการตลาดน้ำมันที่มีการฟื้นตัวดีขึ้น โดยคาดว่าทั้งปีจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1.7-1.8 บาทต่อลิตร จึงมั่นใจว่ายอดขายน้ำมันปีนี้จะเติบโต 10-15% ตามเป้าหมายที่วางไว้ จาก 9 เดือนที่ผ่านมาทำได้แล้ว 12% ดันมาร์เก็ตแชร์ทะลุ 20% จากไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 19.2%