หุ้น GPSC ดีดขึ้น 4.35% มาอยู่ที่ 48 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 400 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.57 น. โดยเปิดตลาดที่ 46.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 48.00 บาท และราคาต่ำสุดที่ 46.50 บาท ทั้งนี้ ราคาหุ้น GPSC ดีดกลับมาอย่างต่อเนื่องหลังจากราคาร่วงลงจากที่เคยขึ้นไปแตะ 48.50 บาทเมื่อวันที่ 21 พ.ย.66 และจากที่เคยแกว่งอยู่ในช่วงกว่า 50 บาทเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ยกให้ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เป็นหุ้นเด่นวันนี้ แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 59 บาท ระยะสั้นแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/66 คาดอ่อนตัวลง q-q ตามการปรับลดค่า Ft ลงเหลือ 3.99 บาท/หน่วย แต่เชื่อว่าทิศทางค่าไฟในปี 67 จะดีขึ้นโดยให้รอติดตามคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เคาะราคาค่าไฟงวดที่ 1 (ม.ค.-เม.ย. 24) เร็วๆนี้
ขณะที่บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนขายไฟให้อิงกับราคาก๊าซแก่ลูกค้า IU เพิ่มขึ้นจาก 15% เป็น 25% ในปี 67 ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงและความไม่แน่นอนของค่า Ft ส่วนการเติบโตด้านพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศยังเป็นอีกปัจจัยหนุนการเติบโตทั้งอินเดีย ไต้หวัน เป็นต้น เราคาดกำไรปี 66-67 เติบโต +39% y-y และ +28% y-y ตามลำดับ
ให้แนวรับ 44.50//43.25 บาท แนวต้าน 48-48.50//51 บาท
เช่นเดียวกับ บล.เอเอสแอล ให้ Stock Pick วันนี้ เป็นหุ้น GPSC คาดปี 67 ขยายตัว เนื่องจากคาดว่าลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมกลับมา ในเชิงกลยุทธ์ได้รับปัจจัยบวกจาก 1. เป็นหุ้นเป้าหมายของกองทุน TESG จะเข้าลงทุน เนื่องจากมีระดับ score ESG ที่ AAA 2. คาดหวังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงดอกเบี้ยที่ 2.5% และจะส่งสัญญาณยุติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช่วยลดต้นทุนทางการเงิน และ 3 แนวโน้มการปรับขึ้นค่า ft งวดม.ค.-เม.ย.67 ซึ่งปัจจุบัน กกพ. กำลังรวบรวมความเห็นจาก hearing ช่วง 10-24 พ.ย. จาก 3 Scenario ปรับขึ้นค่าไฟเป็น 4.68-5.95 บาท จาก 3.99 บาทต่อหน่วยในปัจจุบัน
แม้แนวโน้มไตรมาส 4/66 หดตัว QoQ จากค่า ft ที่ลดลง และโรงไฟฟ้า XPCL ที่อยู่ในช่วง low season แต่จะที่ดีขึ้น YoY จากการเริ่ม COD โรงผลิตแบตเตอรี่ในงวดนี้ และปริมาณขายไฟ IU ที่เพิ่มขึ้นจากไม่มีการปิดซ่อมโรงงานของลูกค้า โดย Bloomberg ประเมินกำไรสุทธิที่ 975 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 3/66 ที่ 1.76 พันล้านบาท ส่วนภาพทั้งปี 66 ประเมินกำไรสุทธิเท่ากับ 4.18 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ 891.5 ล้านบาท โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 56.67 บาท
ผู้บริหารประเมินผลการดำเนินงานปี 67 ขยายตัวเนื่องจากคาดว่าลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมกลับมา หลังจากในช่วงปีนี้อาจประสบปัญหาเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานซึ่งจะทำให้ปริมาณการรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น 10% จากปี 66 โดยมีแผนเสนอแนวทางค่าไฟกับลูกค้า IU เป็น link กับราคาก๊าซ แทนกการอิงกับค่า ft ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณขายไฟเนื่องจากแนวโน้มราคาก๊าซจะลดลง
รวมถึงรับรู้รายได้จาก AEPL ที่ COD ในอินเดียราว 500-600 MW และธุรกิจแพลตฟอร์มพลังงานแสงอาทิตย์จะเติบโตได้ตามแผน ส่วนความคืบหน้าโครงการ SPP2 Replacement คาดว่าจะสามารถจ่ายไฟได้ในเดือน มี.ค.-เม.ย.67 ส่วนโครงการ ERU คาดสามารถจ่ายไฟฟ้าได้ปี 68 ทั้งนี้ตั้งเป้าในปี 68 จะกำลังการผลิตรวม 8,941 MW (เทียบกับ 6,415 MW ในไตรมาส 3/66)