SPPT ลุยขยายฐานธุรกิจNon Hard Disk Drive-แปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันดิบ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 5, 2008 10:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายประพจน์ พลพิพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย)  หรือ SPPT กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการขยายฐานธุรกิจผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่ไม่ใช่ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (Non Hard Disk Drive) เพิ่มขึ้น เนื่องจากพบว่าธุรกิจดังกล่าวเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี  มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับสูง และประการสำคัญยังสามารถพัฒนาสินค้าจนสามารถสร้างมูลค่าให้เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งจะนำไปสู่กำไรและรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในอนาคต
"ในปีนี้เราจะหันมารุกขยายธุรกิจในกลุ่ม Non Hard Disk Drive และเครื่องแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น เพราะเห็นว่าตลาดยังเติบโตได้ดี แถมกำไรขั้นต้นยังอยู่ในอัตราสูง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อกำไรและรายได้ของบริษัทในอนาคต โดยกลุ่มสินค้าเครื่องแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันดิบคาดว่าจะเริ่มขยายตลาดได้อย่างชัดเจนในช่วงครึ่งหลังปีนี้ หลังจากเราขายเครื่องจักรเครื่องแรกให้กับเทศบาลเมืองระยอง ซึ่งคาดว่าติดตั้งแล้วเสร็จและนำขยะมาผลิตเป็นน้ำมันดิบได้ในเดือนมิถุนายนนี้ เพราะจะทำให้ลูกค้าเป้าหมายมองเห็นภาพชัดขึ้นคือสามารถสร้างประโยชน์ให้กับหน่วยงาน ให้กับชุมชน และให้กับประเทศชาติได้ ที่สำคัญการลงทุนครั้งนี้จะสามารถคืนทุนได้ภายในเวลาเพียง 5 ปีเท่านั้น" นายประพจน์ กล่าว
นายประพจน์ กล่าวอีกว่า นอกเหนือจากการมุ่งจำหน่ายเครื่องแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันดิบแล้ว บริษัทยังมีแผนจะใช้นโยบายเชิงรุกโดยการลงทุนเอง ถ้าบริษัทใดมีขยะพลาสติกจำนวน 6-8 ตันต่อวัน ไม่ต้องการลงทุนแต่ต้องการขายเศษพลาสติก หรือจะป้อนเศษพลาสติกให้กับบริษัทและแบ่งผลประโยชน์จากการขายน้ำมันก็สามารถติดต่อได้ที่ บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เอนเนอร์ยี่แอนด์ เอนไวรอนเม้นท์ จำกัด หรือถ้าประสงค์ต้องการร่วมทุนบริษัทก็ยินดี ซึ่งจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยขยายธุรกิจนี้ให้กว้างขวางขึ้น
ส่วนธุรกิจ Non Hard Disk Drive ในปีนี้จะมุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้ามากขึ้น โดยล่าสุดบริษัทได้รับความไว้วางใจจาก บริษัท นิคอน ประเทศไทย ให้เป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์เพื่อส่งกลับไปประกอบในโรงงานนิคอน ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ โดยที่ Nikon ได้โยกย้ายเครื่องจักร มูลค่าประมาณ 70-80 ล้านบาท มาติดตั้งที่โรงงาน SPPT ในนิคมเดียวกัน พร้อมทั้งฝึกอบรม และถ่ายทอดเทคโนโลยี การผลิตให้เพื่อให้ได้มาตรฐานเดียวกับ Nikon ประเทศญี่ปุ่น
"เดิม NIKON เป็นลูกค้าของ SPPT อยู่แล้ว โดยเราทำหน้าที่ผลิตชิ้นส่วนกล้องถ่ายรูปให้ และด้วยความไว้วางใจในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ และทีมบริหารที่ไว้วางใจได้ของ SPPT ทำให้ Nikon ตัดสินใจเลือก SPPT เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจถึงขั้นยอมยกเครื่องจักรมาติดตั้งที่ SPPT และถ่ายทอด Know How ให้เพื่อผลิตชิ้นส่วนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งจะทำให้หลังจากนี้รายได้จากกลุ่มสินค้า Non Hard Disk Drive เติบโตได้ชัดเจนขึ้น"นายประพจน์ กล่าว
ทั้งนี้ สัดส่วนของรายได้ของ SPPT ในปี 2550 แบ่งเป็น รายได้จาก SPPT 86% รายได้จาก SPEE 13% และรายได้จาก SPMP 1% โดยรายได้จาก SPPT แบ่งเป็นรายได้จากผลิตภัณฑ์ Hard Disk Drive 84% กลุ่มผลิตภัณฑ์ Non Hard Disk Drive 16% จากเดิมที่พึ่งพิงธุรกิจ Hard Disk Drive เกือบ 100%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ