นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บมจ.ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า บริษัทวางเป้าหมายใน 3 ปีจากนี้ขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมในตลาดเอเชียแปซิฟิก และก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชีย ผ่านการขยายธุรกิจไปในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง พร้อมขยายซัพพลายเชน คลังสินค้า Distribution เติบโตเช่นเดียวกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยให้บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายในการขึ้นเป็นผู้นำผู้ให้บริการโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชียในอนาคต
บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 67 เติบโต 20% จากปีนี้ สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในธุรกิจการขนส่ง ทั้งธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross Border Service) ภายใต้การบริหารงานของบริษัทย่อย คือ ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ (ETL) ที่เพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปเมื่อไม่นานนี้ เน้นธุรกิจขนส่ง cold chain หรือการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ ซึ่ง WICE จะเป็นคนทำตลาดให้กับ ETL
นอกจากนี้ยังมีแผนสร้างการเติบโตในรูปแบบ Inorganic ด้วย ผ่านการขยาย Network ไปยังต่างประเทศ โดยจะร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ เอเยนต์ ในการขยายสำนักงานสาขาในประเทศอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น โดยบริษัทฯ ได้วางงบลงทุนรวมในปี 67 ไว้ ราว 200-300 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจต่างๆ
WICE อยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าในโปรเจ็กต์ที่จะนำรถบรรทุกไฟฟ้า (EV Truck) เข้ามา เพื่อส่งเสริมในเรื่องของ ESG ผ่านการขนส่งในรูปแบบใหม่ โดยใช้รถ EV Transport แทนรถสันดาป คาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนได้ในปีหน้า
"EV TRUCK ถือว่ามีความท้าทาย การนำมาใช้ทำ Operation จะต้องมีการทำโลจิสติกส์ดีไซน์ใหม่ เพื่อให้รถ EV สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราทำได้คือ การคุยกับพันธมิตร หรือคู่ค้าของเรา เป็น Project-Based คือ EV นี้จะไม่ใช่เป็นการรับงานทั่วไป ซึ่งปัจจุบันเราก็มีคุยกับลูกค้า 2-3 โปรเจ็กต์ คาดว่าจะเริ่มเห็นการดำเนินงานได้อย่างน้อย 1 โปรเจ็กต์ ในต้นปีหน้า โดยประมาณการณ์รายได้ไว้ที่ 200 ล้านบาทต่อปี" นายชูเดช กล่าว
สำหรับแนวโน้มธุรกิจโลจิสติกส์ในปีหน้าคาดว่าเติบโตดีขึ้น ตามประเทศคู่ค้าสำคัญ อย่าง สหรัฐ และจีน ที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลดีต่อวอลุ่มการนำเข้าและส่งออก ส่วนตลาดในภูมิภาคเอเชียยังมีการเติบโตได้ดี โดย WICE พยายามเติบโตไปกับทุกตลาด ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสำนักงานที่ครอบคลุมตลาดใหญ่ๆ ทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ (Northeast Asia) และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia)
นอกจากนี้ยังมองโอกาสขยายการเติบโตไปยังประเทศอินเดีย เนื่องจากเป็นตลาดเกิดใหม่ มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยจะเข้าไปให้บริการกับลูกค้า เนื่องด้วยลูกค้ามีการย้ายฐานผลิตออกจากจีนค่อนข้างมาก ไปยัง Southeast Asia และบางส่วนก็ไปอินเดีย ทำให้มองว่าการค้าในอินเดียน่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต
ส่วนความเสี่ยงในปี 67 บริษัทฯ ยังคงติดตามสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด ที่อาจส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นต้นทุนหลักของธุรกิจขนส่ง รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยน หรือค่าเงิน เนื่องจากบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ
ด้านค่าระวางเรือในปี 67 คาดปรับตัวขึ้น ตามต้นทุนค่าขนส่ง รวมทั้งตลาดคู่ค้าสำคัญๆ อย่าง จีน สหรัฐ หากฟื้นตัวขึ้นก็น่าจะหนุนให้ค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นด้วย ทำให้จะส่งผลดีต่อรายได้ของบริษัทปรับตัวขึ้นตาม
https://youtu.be/TEnJpxYTrhc