(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้น เก็งเฟดคงดอกเบี้ยหลังตัวเลขแรงงานสหรัฐต่ำคาด-GDP ชะลอ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 6, 2023 10:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดปรับตัวขึ้น หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน (Job Openings) ลดลงอยู่ที่ 8.7 ล้านตำแหน่ง ต่ำกว่าตลาด คาดที่ 9.3 ล้านตำแหน่ง สะท้อนแนวโน้มตัวเลขภาคแรงงานอื่น ๆ ของสหรัฐ เช่น ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะรายงานในวันศุกร์นี้น่าจะปรับตัวลดลง

ขณะที่เมื่อวันจันทร์ GDPNow ของ Fed Atlanta ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของ GDP สหรัฐในไตรมาส 4/66 จากเดิมที่ 1.8% ลงมาที่ 1.2% สะท้อนการเติบโตของเศรษฐกิจที่ลดลงจากไตรมาส 3/66 ทำให้มีโอกาสน้อยมากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 50% ว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน มี.ค.67 จากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้น้ำหนัก 50% ว่าจะลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน พ.ค.67 รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เม็ดเงินลงทุนจะไหลเข้าไปที่ตลาดพันธบัตรและหุ้น

กลุ่มแนะนำในวันนี้ ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้า จากราคาน้ำมันและบอนด์ยีลด์ที่ลดลง และหุ้นที่เป็นเป้าหมายกองทุน TESG ซึ่งเมื่อวันจันทร์ (4 ธ.ค.) เริ่มเห็นแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ เช่น ADVANC PTT และ CPALL รวมทั้งกลุ่มท่องเที่ยว ค้าปลีก เนื่องจากเข้าสู่ช่วง High season

พร้อมให้กรอบแนวต้าน 1,400 จุดและแนวรับ 1,375 จุด ทั้งนี้รอมูลค่าการซื้อขายเข้ามาประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาท ดัชนีน่าจะยืนเหนือ 1,400 จุดได้

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (5 ธ.ค.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,124.56 จุด ลดลง 79.88 จุด ลดลง
-0.22%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,567.18 จุด ลดลง 2.60 จุด หรือ -0.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,229.91 จุด เพิ่มขึ้น 44.42 จุด หรือ +0.31%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 32,928.92 จุด เพิ่มขึ้น 153.1 จุด หรือ +0.47% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 16,311.96 จุด ลดลง 15.90 จุด หรือ -0.10% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,966.95 จุด ลดลง 5.35 จุด หรือ -0.18%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 ธ.ค.66) ที่ 1,383.54 จุด เพิ่มขึ้น 3.23 จุด (+0.23%) มูลค่าซื้อขาย 35,519.36 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติขาซื้อสุทธิ 1,016.44 ที่ 236.39 ล้านบาท (4 ธ.ค.66)
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.(5 ธ.ค.) ลดลง 72 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 72.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 ธ.ค.66) อยู่ที่ 7.41 เหรียญ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.26 ให้กรอบวันนี้ 35.10-35.40 จับตาราคาทองคำ-ทิศทาง Flow
  • ครม.เคาะแล้ว มาตรการ "Easy e-Receipt" ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท ตั้งแต่ 1 ม.ค.-15 ก.พ. รวม 46 วัน ปลุกมู้ดจับจ่ายต้นปี'67 ค้าปลีกขานรับ ช่วยปลุกคนมีกำลังซื้อจับจ่ายมากขึ้น แต่ติงช่วงเวลาไม่เหมาะ ขณะที่ค่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าหวั่นฉุดยอดขายปลายปี อุตสาหกรรมท่องเที่ยวหวั่นไม่ได้ อานิสงส์ ส่วนโบรกเกอร์ คาดช่วยปลุกเงินสะพัด 1-2 แสนล้าน ดันจีดีพีโต 0.54-1.09%
  • อีอีซี เร่งขับเคลื่อนการพัฒนาระยะที่ 2 ชงครม.ธ.ค.นี้ ไฟเขียวแผนดึงเงินลงทุนจริง 5 แสนล้านบาท ใน 5 ปี ตั้งเป้าจีดีพีในพื้นที่ขยายตัวเฉลี่ย 6.3 % ผ่าน 5 แนวทาง หลังเฟสแรกเกิดการลงทุนแล้วราว 2 ล้านล้านบาท พร้อมลุยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมและสาธารณูปโภคอีก 77 โครงการ วงเงินรวม 3.37 แสนล้านบาท
  • ธุรกิจไทยใน "เมียนมา" รับมือความเสี่ยงจากสถานการณ์สู้รบ "กลุ่มชาเทรียม" เจ้าของโรงแรมในย่างกุ้งเผยรับผลกระทบตั้งแต่เกิดรัฐประหาร ปรับกลยุทธ์มุ่ง "ลดต้นทุน-พึ่งพา ลูกค้าท้องถิ่น" ยันเดินหน้าธุรกิจต่อไป ด้านเจ้าของร้านอาหารไทย "ต้มยำกุ้ง" รวม 5 สาขาในเมียนมา เน้นสื่อสารลูกค้า ย้ำเมืองท่องเที่ยวยังเที่ยวได้ ด้าน "ทีทีเอเอ" ระบุลูกค้าคนไทยเริ่มจองแพ็กเกจ "ทัวร์เมียนมา" เดือน ธ.ค. จากก่อนหน้านี้วิตกความปลอดภัยยกเลิกเดินทางทุกกรุ๊ป
  • กกร.นัดถกด่วนวันนี้ หารือผลกระทบ กกพ. ประกาศปรับขึ้นค่าไฟฟ้างวด ม.ค.-เม.ย.67 เป็น 4.68 บาท/หน่วย ชี้กระทบอุตสาหกรรม 45 กลุ่ม ซ้ำเติมสินค้าขึ้นราคา ลงทุนต่างชาติชะงัก เตรียมยื่นข้อเรียกร้องตั้ง "กรอ.พลังงาน" เพื่อเร่งปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้า เล็งขอทบทวนคงอัตราเดิมที่ 3.99 บาท/หน่วย เผย "พีระพันธุ์" พร้อมแตะเบรก แต่จะถึงขั้นตรึงหรือไม่ ขอเวลาพิจารณาให้รอบด้าน มั่นใจมีข่าวดี มอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทย ระบุยังจะพิจารณาแนวทางดูแลราคาดีเซล และ LPG ต่อ หลังจะสิ้นสุดการตรึงราคา 31 ธ.ค.นี้

*หุ้นเด่นวันนี้

  • PLANB (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 8.50 บาท กำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 261 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% YoY และ 15% QoQ ใกล้เคียงคาด หนุนโดยรายได้โต 23% จากรายได้ธุรกิจสื่อนอกบ้านเติบโตดี คาดกลุ่ม FMCG จะทุ่มใช้งบโฆษณามากขึ้นหลังตั้งรัฐบาลคาดกระตุ้นการใช้จ่ายจากภาครัฐ ซึ่ง PLANB จะได้ประโยชน์มากสุดในกลุ่ม OOH จาก market share สูงสุด แนวโน้มไตรมาส 4/66 ยังมองบวกคาดรายได้อาจทำ All Time High ด้วยอัตราการใช้สื่อมากกว่า 75% และเป็น High season ของธุรกิจ จึงทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาสนับสนุนในช่วงโค้งสุดท้ายของปี
  • SJWD (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 21.50 บาท ธุรกิจ Automotive รับฝากและบริหารรถยนต์ที่เป็นพระเอกในปี 2566 เป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง 40% ในไตรมาส 4/66 จะมีรถ BYD เข้ามาใช้พื้นที่ของบริษัทอีกราวหมื่นคัน รวมถึงในปี 2024 ที่จะมีรถ EV เตรียมเข้าไทยอีกหลายค่าย ธุรกิจห้องเย็นมีแนวโน้มดีขึ้นหลังมีสินค้าปลาเข้ามาใช้พื้นที่เพิ่ม เราคาดกำไรปกติไตรมาส 4/66 เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ และจะมีรายการพิเศษจากการประเมินมูลค่ายุติธรรมซื้อธุรกิจ SCGL คงประมาณการกำไรปี 2023 +50% y-y และปี 2024 +48% y-y และคาดเป็นหนึ่งในหุ้นเป้าหมายของกอง TESG
  • PTT (คิงส์ฟอร์ด)"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 39.00 บาท PTT ไตรมาส 3/66 มีกำไรสุทธิ 3.13 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น +56%QoQ, +253%YoY โดยกำไรที่เพิ่มขึ้น QoQ หลักๆ มาจากผลการดำเนินงานกลุ่มธุรกิจการกลั่นที่ค่าการกลั่นที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงมีการบันทึกกำไรสต๊อกน้ำมันเป็นจำนวนมาก ถ้าหักออกกำไรปกติอยู่ที่ 3.06 หมื่นล้านบาท +1%QoQ ขณะที่ EBITDA ทั้งกลุ่มอยู่ที่ 1.46 แสนล้านบาท +58%QoQ, +58%YoY สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4/66 คาดกำไรปกติลดลง QoQ แต่ยังอยู่ในระดับราว 2.5 หมื่นล้านบาท เติบโตได้ YoY หนุนจากธุรกิจก๊าซฯ ของ PTT และธุรกิจ E&P ของ ปตท.สผ.ที่มีปริมาณขายมากขึ้น นอกจากนี้ยังมองว่า PTT เป็นตัวแทนของกลุ่มพลังงานที่แข็งกว่าตลาด และเข้าข่ายหุ้นที่เป็นเป้าหมายกองทุน TESG

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ