นายสมชาย สุวจิตตานนท์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บมจ.เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น (KTIS) คาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในงวดปี 67 (ต.ค.66-ก.ย.67) จะเติบโตจากปี 66 เล็กน้อย เนื่องจากปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท โดยในงวดปี 66 (ต.ค.65-ก.ย.66) มีรายได้รวมที่ 20,096 ล้านบาท เติบโตจากปี 65 ซึ่งอยู่ที่ 14,036 ล้านบาท
ในปีการผลิต 66/67 บริษัทคาดว่าจะเริ่มเปิดหีบอ้อยในเดือน ธ.ค. 66 คาดว่าปริมาณอ้อยปี 67 ของไทยลดลงอยู่ที่ประมาณ 70-80 ล้านตัน ลดลง 13 ล้านตันจากปีการผลิต 65/66 เนื่องจากปัญหาภัยแล้งส่งผลกระทบ บริษัทจึงได้เตรียมรับมือล่วงหน้าด้วยการประสานกับสมาคมชาวไร่อ้อยให้ขุดบ่อกักเก็บน้ำ ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 5,000 บ่อและทำพลาสติกปูพื้นเพื่อไม่ให้น้ำซึม รวมทั้งหาแหล่งน้ำเพื่อนำมาใช้เพิ่ม และรณรงค์ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปเพื่อประหยัดต้นทุน ส่งผลให้บริษัทได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งน้อยกว่าผู้ผลิตรายอื่นค่อนข้างมาก
ขณะที่ทิศทางราคาน้ำตาล โดยตลาดน้ำตาลนิวยอร์ค สัญญาล่วงหน้าน้ำตาลทรายดิบที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นค่อนข้างสูง แตะระดับสูงสุดกว่า 28 เซนต์/ปอนด์ แต่ขณะนี้ปรับลดลงมาอยู่แถว 23 เซนต์/ปอนด์ ซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นอีกครั้งหลังช่วงปีใหม่ โดยประเมินราคาเฉลี่ยปีการผลิต 66/67 จะอยู่ที่ 25-26 เซนต์/ปอนด์ ขณะเดียวกันราคาน้ำตาลในประเทศยังได้รับแรงหนุนจากภาครัฐปรับขึ้นราคาน้ำตาลกิโลกรัมละ 2 บาท
นอกจากนี้ราคาจำหน่ายต่อหน่วยสำหรับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในกลุ่มบริษัท ทั้งค่าไฟฟ้า คาดว่าปีหน้าจะสูงกว่า 4 บาทต่อหน่วย และราคาเอทานอลก็น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งราคาจำหน่ายต่อหน่วยที่ปรับเพิ่มขึ้นในทุกผลิตภัณฑ์จะช่วยผลักดันธุรกิจของบริษัทให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน บริษัทมีธุรกิจใหม่สายชีวภาพเข้ามาเสริม คือ ธุรกิจผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบในปี 67 ช่วยสร้างรายได้ให้กับบริษัทค่อนข้างสูง เนื่องจากอยู่ในกระแสหลักของโลก ทั้งเรื่องของสุขภาพและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งธุรกิจที่บริษัทได้ร่วมทุนกับพันธมิตร คือ โครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ เฟส 1 และเฟส 2 คาดว่าจะ COD ในปี 67 และสร้างรายได้เข้ามาเพิ่มขึ้นทั้งจากการผลิตและจำหน่ายเอทานอล รวมรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าได้เต็มปี