นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บลจ. อีสท์สปริง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดขายกองทุนเปิดอีสท์สปริง SETESG เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืนพร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี สอดรับกับนโยบายภาครัฐในการจัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG) โดยมีให้เลือก 2 รูปแบบการลงทุน คือ กองทุนเปิดอีสท์สปริง SETESG ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนสะสมมูลค่า (ES-SETESG-THAIESG-A) และกองทุนเปิดอีสท์สปริง SETESG ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนปันผล (ES-SETESG-THAIESG-D) รวมมูลค่า 5,000 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 8-18 ธันวาคม 2566
กองทุนเปิดอีสท์สปริง SETESG ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนสะสมมูลค่า (ES-SETESG-THAIESG-A) และกองทุนเปิดอีสท์สปริง SETESG ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนปันผล (ES-SETESG-THAIESG-D) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารทุนที่เน้นลงทุนหุ้นของบริษัทที่มีความโดดเด่นในการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) เฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ
โดยทีมผู้จัดการกองทุนจะลงทุนเชิงรับ (Passive Management) เพื่อให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงตามดัชนี SETESG Index ซึ่งดัชนีดังกล่าวมีแนวทางคัดเลือก คือ 1.เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating ที่ระดับ BBB ขึ้นไป 2.เป็นหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท 3.สัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free-float) ไม่น้อยกว่า 20% 4.มีปริมาณการซื้อขายไม่น้อยกว่า 0.5% ของจำนวนหุ้นจดทะเบียนของบริษัท เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 9 ใน 12 เดือน 5.ไม่จำกัดจำนวนหลักทรัพย์ในดัชนี ปัจจุบันอยู่ราว 114 บริษัท และ 6.มีการปรับองค์ประกอบในช่วงเดือน ม.ค.-ก.ค.ของทุกปี
"จุดเด่นของกองทุนอีสท์สปริง SETESG ทั้ง ES-SETESG-THAIESG-A และ ES-SETESG-THAIESG-D คือ การเติบโตของเงินลงทุนอย่างยั่งยืนจากการบริหารจัดการ ESG ที่ดี โดยทีมผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ยาวนาน มีต้นทุนการบริหารจัดการที่ต่ำ มีค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการเพียง 0.5% อีกทั้งยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาที่ถือครองเป็นระยะเวลา 8 ปีขึ้นไป สามารถหักลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 30% ของรายได้ หรือไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี โดยไม่รวมกองทุนอื่นๆ หรือการประกันชีวิตที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี กองทุนดังกล่าวจึงเหมาะกับผู้ลงทุนระยะยาว" นางสาวดารบุษป์ กล่าว