บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารยูโอบี ในส่วนของสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Sustainability linked loan) และสัญญาอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน (Sustainability-linked Derivatives) รวมวงเงินกว่า 7,200 ล้านบาท (200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ความเชื่อมโยงนี้จะพิจารณาจากผลการดำเนินธุรกิจด้านความยั่งยืน (ESG Risk Rating) โดยบีเจซียังได้รับคะแนนดัชนีความยั่งยืนดาว์นโจนส์ (DJSI) สูงสุงของโลกในกลุ่มอุตสาหกรรม Food & Staples retailing เป็นระยะเวลา 2 ปีติดต่อกัน ข้อตกลงของบีเจซีในการผสานกลยุทธ์ทางการเงินในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งเพื่อมุ่งสู่การบรรลุเกณฑ์มาตรฐานในการดำเนินธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG) ตามเป้าหมายการเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปีพ.ศ. 2593
นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล รองประธานกรรมการบริหาร BJC กล่าวว่า บริษัทดำเนินธุรกิจควบคู่กับการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชน สังคม โดยมีเป้าหมายว่าด้วย การป้องกันและแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาทิ เพิ่มมาตรการเพื่อรับมือกับปัญหาอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Adaptation) มีการวัดผลและมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัท (Mitigation) และส่งเสริมพฤติกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมอย่างยั่งยืนทุกมิติ เช่น การใช้ไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์จากการติดตั้ง Solar Roof และเน้นเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน โดยนำเทคโนโลยีต่างๆ ที่ช่วยลดการใช้พลังงานที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตหรือการดำเนินงานมาใช้ เช่น การใช้ AI เพื่อควบคุมการใช้พลังงาน การใช้ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าในการขนส่งสินค้า รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ และอุปกรณ์ต่างๆที่นำมาใช้ประกอบการจำหน่ายสินค้าและให้บริการ เช่น ตะกร้าช้อปปิ้งในบิ๊กซี ซึ่งเป็นตะกร้าที่ลดการใช้พลาสติก เป็นต้น
นอกจากนี้ BJC ตอกย้ำความเป็นผู้นำองค์กรด้านความยั่งยืนระดับโลก โดยประกาศความสำเร็จในการติดดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) กลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และได้รับการประเมินให้อยู่ในระดับ สูงสุดของโลกใน S&P Global Sustainability Yearbook ประจำปี 2566 ซึ่งบีเจซีถือเป็นบริษัทที่ได้รับคะแนน สูงที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรม Food & Staples Retailing นับตั้งแต่มีการประเมิน
บริษัทตั้งเป้าเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในอีก 28 ปีข้างหน้า หรือปี 2593 ซึ่งยังสอดคล้องกับนโยบายของธนาคารยูโอบีที่มุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการให้เข้าถึงเงินทุนเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) ภายใต้กรอบแนวคิดการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ยั่งยืนเพื่อเมืองอัจฉริยะ (Smart City Sustainable Finance Framework) เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาและส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย
นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี พ.ศ. 2492 การดำเนินธุรกิจตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นแนวคิดที่กลุ่มบีเจซีใช้เป็นหลักในการดำเนินธุรกิจเสมอมา สินเชื่อจากยูโอบี ที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืนนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง ในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ขององค์กร ในฐานะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบและมีวิสัยทัศน์ก้าวไกล นอกจากนี้ การสนับสนุนสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Sustainability linked loan) บริษัทได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2565 โดยปัจจุบันมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 16,650 ล้านบาท
"กลุ่มบริษัทบีเจซี บิ๊กซี ตั้งเป้าเป็นหนึ่งในองค์กรชั้นนำของประเทศไทย ที่มุ่งมั่นในการลดโลกร้อน ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม ตลอดจนการบริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาล สอดคล้องตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน" นายอัศวิน กล่าว