ANI ปิดเทรดวันแรกที่ 4.98 บาท ลดลง 0.27 บาท (-5.14%) ต่ำกว่าราคา IPO ที่ 5.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 641.06 ล้านบาท จากราคาเปิด 5.50 บาท ราคาสูงสุด 5.80 บาท ราคาต่ำสุด 4.94 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุว่า บมจ.เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล (ANI) ประเมินมูลค่าเบื้องต้นด้วย PER เฉลี่ยของผู้ประกอบธุรกิจใกล้เคียง เช่น Freight Forwarder ใน SET (III,WICE,SINO) มองว่ามูลค่าเหมาะสม ณ ราคา IPO มี upside น่าสนใจ
ANI ประกอบธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน (Cargo General Sales Agent: Cargo GSA) เป็นธุรกิจหลัก โดยให้บริการแก่สายการบินชั้นนำกว่า 20 สายการบินใน 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ เวียดนาม จีน มาเลเซีย กัมพูชา เมียนมา และฮ่องกง ครอบคลุมเส้นทางการบินกว่า 400 แห่งในทุกภูมิภาคทั่วโลก โดย ANI เป็น Operating Holding (Flagship Company) ซึ่งถือหุ้นในบริษัทที่ประกอบธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน (Cargo General Sales Agent: Cargo GSA) ของกลุ่ม III ทั้งหมด นอกจากนี้บริษัทยังประกอบธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องและช่วยสนับสนุนธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจบริหารความสัมพันธ์กับสายการบินและให้คำแนะนำด้านการประกอบธุรกิจ GSA แก่พันธมิตรของบริษัท และธุรกิจจัดหาทรัพยากรบุคคล ยานพาหนะ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้บริการแก่ผู้ให้บริการภาคพื้นท่าอากาศยาน ของท่าอากาศยานชางงี (Changi Airport) ประเทศสิงคโปร์
บล.ทิสโก้ เห็นว่า ธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน (Cargo General Sales Agent: Cargo GSA) เป็นธุรกิจที่การแข่งขันไม่สูง เนื่องจากผู้ประกอบการมีจำนวนไม่มาก ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจไม่สูง แต่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญและได้รับความไว้วางใจจากสายการบินในการเป็นตัวแทนขายระวางสินค้า โดยบริษัทมีความได้เปรียบจากการเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งฮ่องกงและจีนที่มีประสบการณ์และได้รับความไว้วางใจจากสายการบินชั้นนำมาโดยตลอด ประกอบกับการให้บริการของบริษัทอยู่ในประเทศที่มีการขนส่งสินค้าทางอากาศสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
นอกจากนี้บริษัทแม่อย่าง III เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรด้านการขนส่งสินค้าทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ จึงช่วยส่งเสริมกันและกันในการประกอบธุรกิจได้ ซึ่งวัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อจ่ายชำระค่าหุ้นภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจจึงมีความเหมาะสม เนื่องจากเป็นการรวมบริษัทย่อยทั้งหมดให้อยู่ภายใต้ ANI
รายได้หลักของบริษัทมาจากการขายระวางสินค้า ซึ่งผันแปรตามค่าระวางขนส่งสินค้าทางอากาศ มองว่าในระยะสั้นรายได้จะลดลงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทำให้ปริมาณการขนส่งและอัตราค่าระวางลดต่ำลงเมื่อเทียบกับช่วงโควิด ขณะที่ไตรมาส 4/66 คาดว่ารายได้จะปรับตัวสูงขึ้นตามปริมาณการขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาล และสัญญาการให้บริการ GSA กับสายการบินขนาดใหญ่ที่เริ่มให้บริการในเดือน ก.ย. 66 มีการรับรู้เต็มไตรมาส ส่วนในระยะยาว คาดว่ารายได้จะเติบโตตามการขยายตัวของการค้าที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการเติบโตของ E-commerce และภาคการผลิต
อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทผันแปรตามค่าระวางขนส่งสินค้าทางอากาศ ซึ่งมีแนวโน้มลดลงจากฐานที่สูงในช่วงก่อนหน้า ขณะที่บริษัทสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไม่ให้ผันแปรตามตามค่าระวางได้ ส่งผลต่อไปยังอัตรากำไรสุทธิด้วยเช่นกัน จึงคาดว่าในระยะสั้นบริษัทจะยังคงความสามารถใรการรักษาอัตรากำไร ทำให้อัตรากำไรในปีนี้สูงขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม หากบริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าในการให้บริการได้เพิ่มเติมและยังคงความสามารถในการรักษาระดับอัตรากำไร คาดว่าอัตรากำไรจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ปัจจัยที่ต้องติดตามต่อ ได้แก่ แผนการสร้างเครือข่ายให้เป็นผู้นำธุรกิจ GSA ในภูมิภาคเอเชีย โดยขยายไปยังประเทศที่มีการเติบโตและมีความต้องการการขนส่งสินค้าทางอากาศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่น ประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศอินเดีย รวมทั้งขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมไปยังภูมิภาคอื่น เช่น ทวีปยุโรป และ ทวีปออสเตรเลีย
ความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ 1) การพึ่งพิงรายได้จากการให้บริการจากสายการบินบางราย 2) ความผันผวนของค่าระวางขนส่งสินค้าทางอากาศ 3) การเปลี่ยนแปลงของกฎหมายและนโยบายของประเทศที่บริษัทดำเนินการอยู่ 4) ค่าความนิยมเป็นสินทรัพย์หลักของบริษัท