บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ออกหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ คาดว่าจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 26 และวันที่ 29 - 30 มกราคม 2567 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท เสนอขายจำนวน 5 ชุด ดังนี้
1. หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 1 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.10-3.20]% ต่อปี
2. หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.50-3.70]% ต่อปี
3. หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 3 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.75-3.90]% ต่อปี
4. หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 5 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [4.10-4.25]% ต่อปี
5. หุ้นกู้ชุดที่ 5 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [4.50-4.70]% ต่อปี ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ได้เมื่อหุ้นกู้ครบปีที่ 5
โดยมีธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ซีไอเอ็มบี ไทย ยูโอบี และบล. เอเซีย พลัส เป็นผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้
ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต.
วัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้ในการชำระคืนหนี้หุ้นกู้ และ/หรือ เพื่อชำระค่าคลื่นความถี่ และ/หรือ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับการเติบโตของบริษัท
นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) TRUE ระบุว่า บริษัทจะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนเป็นการทั่วไป (Public Offering) โดยมีอายุหุ้นกู้ระหว่าง 1 ปี 3 เดือน ถึง 10 ปี เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนทุกกลุ่ม นักลงทุนที่ชอบลงทุนระยะสั้นก็สามารถเลือกลงทุนในรุ่น 1 ปี 3 เดือน ถึง 3 ปี 3 เดือน นักลงทุนที่ชอบลงทุนระยะกลางก็อาจเลือกลงทุนในรุ่น 5 ปี 3 เดือน
หรือนักลงทุนที่ชอบลงทุนระยะยาวและต้องการดอกเบี้ยเพื่อนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็อาจเลือกจะลงทุนในรุ่น 10 ปี เพราะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลหรือ Yield Curve ที่ปรับตัวลดลงหลังธนาคารกลางประเทศหลักๆ เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอังกฤษ เริ่มส่งสัญญาณหยุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และบางประเทศเริ่มมีการพูดถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2567 หลังจากเงินเฟ้อเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง ทำให้การลงทุนในหุ้นกู้ในช่วงที่ธนาคารกลางประเทศต่างๆ ยังไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะหุ้นกู้ของบริษัทที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงๆ และ TRUE ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยมีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ A+ และไม่เคยมีประวัติผิดนัดชำระหนี้หรือเลื่อนการชำระหนี้อีกด้วย
บริษัทและหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ A+ แนวโน้ม "คงที่" (Stable) จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 ซึ่งสะท้อนถึงสถานะความเสี่ยงด้านการเงินและด้านธุรกิจที่ดียิ่งขึ้น ทั้งตำแหน่งทางการตลาด (market position) ที่แข็งแกร่งในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ เสริมทัพด้วยโครงข่ายทั่วประเทศ ชุดคลื่นความถี่ที่ครอบคลุม และชื่อแบรนด์ที่ผู้บริโภคเชื่อถือ อีกทั้งปัจจัยบวกด้านเศรษฐกิจมหภาค อาทิ ตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ประเทศไทย อันเนื่องมาจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
นางสาวยุภา กล่าวว่า การออกหุ้นกู้ครั้งนี้เป็นการออกหุ้นกู้ภายใต้ TRUE ที่เกิดจาการควบรวมและผสานจุดแข็งระหว่างทรูและดีแทค ทำให้บริษัทมีรากฐานแข็งแกร่งยิ่งขึ้น สะท้อนได้จากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องทั้งรายได้ค่าบริการและยอดผู้ใช้งานในไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่การบูรณาการเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและลดต้นทุนเชิงโครงสร้างนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของ EBITDA สามไตรมาสติดต่อกัน บริษัทมั่นใจว่าหุ้นกู้ที่จะออกในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ลงทุนทั่วไปที่ต้องการลงทุนในบริษัทที่มีชื่อเสียง มีความมั่นคง และอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลบวกจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวและให้ผลตอบแทนที่ดีสำหรับการลงทุนเพื่ออนาคต ทั้งนี้บริษัทจะยังคงมุ่งมั่นยกระดับการดำเนินงานเพื่อส่งมอบคุณค่าที่ดียิ่งกว่าสู่ผู้บริโภคและภาคธุรกิจ พร้อมสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทย
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 ปี 2566 ที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของบริษัทมีแนวโน้มดีขึ้นโดยได้แรงหนุนจากรายได้ค่าบริการและจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการปรับปรุงประสิทธิภาพและลดต้นทุนภายหลังการควบรวมเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา หรือ EBITDA ดีขึ้นติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สามนับตั้งแต่การควบรวม ส่งผลให้สถานะทางการเงินของบริษัทแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ในด้านการรวมโครงข่ายสัญญาณเป็นโครงข่ายเดียว (Single Grid) ซึ่งเริ่มดำเนินการเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีความคืบหน้าไปมากตามแผน ตอกย้ำความตั้งใจของบริษัทที่มุ่งส่งมอบบริการที่ดียิ่งกว่าให้แก่ลูกค้าที่เติบโตต่อเนื่อง ด้วยคุณภาพสัญญาณที่ดียิ่งขึ้นผ่านการขยายโครงข่ายและการบริหารจัดการสถานีฐานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้โครงการ Single Grid จะเดินหน้าอย่างเต็มที่ในไตรมาส 4 ตามแผนที่วางไว้