นักวิเคราะห์ฯ ระบุแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นต่อจากวันทำการสุดท้ายของปีก่อนได้เห็นแรงซื้อจากต่างชาติกลับมา แต่ยังเน้นกลุ่มแบงก์ จับตาความต่อเนื่องวันนี้ ขณะที่เงินบาทสิ้นปีแข็งค่ามาก และมีเม็ดเงินไหลเข้าตราสารหนี้ วันนี้รอดูเม็ดเงินใหม่จะไหลเข้ากลุ่มแบงก์ต่อเนื่องถึงค้าปลีกและสื่อสารหรือไม่ ให้กรอบแนวต้าน 1,423 จุด ถัดไป 1,430 จุด และแนวรับ 1,410 จุด
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นต่อจากวันสุดท้ายของปี 66 มีแรงซื้อต่างชาติเข้ามาใกล้ 4,000 ล้านบาท แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในกลุ่มแบงก์ รวมทั้งค่าเงินบาทสิ้นปี 66 แข็งมาก ขณะที่มีแรงซื้อตลาดสารหนี้เข้ามา ต้องจับตาว่าเม็ดเงินจะไหลเข้ากลุ่มแบงก์ต่อหรือไม่ เพราะตามสถิติช่วงต้นปีปกติเม็ดเงินก้อนใหม่จะเข้ามาในกลุ่มแบงก์เป็นกลุ่มแรก ๆ จากนั้นจะเป็นกลุ่มค้าปลีกและสื่อสาร
นอกจากนั้น สัปดาห์นี้ต้องติดตามการรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ หากออกมาต่ำกว่าคาดจะหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ยในดือนมี.ค. ซึ่งปัจจุบันตลาดให้น้ำหนักที่ราว 70%
ให้กรอบแนวต้าน 1,423 จุด ถัดไป 1,430 จุด และแนวรับ 1,410 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (29 ธ.ค.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,689.54 จุด ลดลง 20.56 จุด หรือ -0.05%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,769.83 จุด ลดลง 13.52 จุด หรือ -0.28% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,011.35 จุด ลดลง 83.78 จุด หรือ -0.56%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหยุดตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,135.12 จุด เพิ่มขึ้น 87.73 จุด หรือ +0.51% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,972.78 จุด ลดลง 2.15 จุด หรือ -0.07%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 ธ.ค.66) ที่ 1,415.85 จุด เพิ่มขึ้น 5.42 จุด (+0.38%) มูลค่าซื้อขาย 47,793.66 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,977.45 ล้านบาท (28 ธ.ค.66)
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 12 เซนต์ หรือ 0.17% ปิดที่ 71.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 ม.ค. 66) อยู่ที่ 6.71 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.50/52 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า จากราคาทองหนุน คาดกรอบวันนี้ 34.45-34.65 บาท/ดอลลาร์
- นายกฯ รอกฤษฎีกาส่งเรื่อง "ดิจิทัลวอลเล็ต" กลับมาให้รัฐบาลคาดได้รับสัปดาห์หน้า ก้าวก่ายไม่ได้ เผย 2 ม.ค.ยังไม่นอนค้างคืนทำเนียบฯ อ้างดูฤกษ์ดีค้างได้ตั้งแต่ 7 ม.ค. แต่ต้องเลื่อนเพราะติดภารกิจไป จ.ร้อยเอ็ด ส่วนถกงบฯ 67 ไร้ปัญหา พร้อมชี้แจงลั่นไม่จำเป็นต้องมี "องครักษ์" พิทักษ์ เชื่อไม่มีเรื่อง "ตบทรัพย์" ในสภา ด้าน "แพทองธาร" ให้จับตามีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นในปีนี้แน่นอน
- แบงก์ชาติเริ่มเกณฑ์ใหม่ 1 ม.ค.567 จี้ธนาคารปล่อยสินเชื่อเป็นธรรม ปิดประตู "กู้ง่าย-อนุมัติไว-ไม่เช็กประวัติ"
- "พีระพันธุ์" ได้ฤกษ์รื้อเกณฑ์ใช้พลังงานไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อปในครัวเรือน ลั่นสร้างระบบพลังงานของประเทศใหม่
- สศค. มองเศรษฐกิจไทยปี 67 ขยายตัวได้แต่เผชิญความเสี่ยงสูง TDRI หวั่นศก. อาจตกอยู่ในภาวะซึมยาว 2-3 ปีข้างหน้า เหตุมาตรการรัฐ กระตุ้นระยะสั้น "เกียรตินาคินภัทร" ลั่น GDP โตต่ำ 3% ชี้ไม่มีทางกลับไปโตได้เหมือนเดิม แนะแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างจริงจัง EIC ห่วงปัจจัยเสี่ยงรุมเร้าเพียบ ทำให้เติบโตช้า เปราะบาง ไม่แน่นอนมากขึ้น
*หุ้นเด่นวันนี้
- CRC (กรุงศรี) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 44 บาท ได้ประโยชน์จากมาตรการ Easy e-Receipt ซึ่งให้สิทธินำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้ามารวมหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีได้ 50,000 บาท/คน เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค.- 15 ก.พ. 67 มอง CRC ได้ประโยชน์มากสุดผ่านการขายในกลุ่มสินค้าแฟชั่นส์, เครื่องใช้ไฟฟ้า (Power Buy) และ สินค้าวัสดุก่อสร้าง (ไทวัสดุ)
- BCH (กสิกรไทย) เพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 24.80 จากเดิม 23.50 คงแนะ "ซื้อ" หลัง BCH จะได้รับโควต้าผู้ป่วย SSO เพิ่มเติม 313,950 รายในปี 67 โดยมีโควต้าบริการ SSO ผู้ป่วยรวม 1.8 ล้านรายในปี 67 เพิ่มขึ้น 20% YoY โควต้าผู้ป่วย SSO ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยปลดล็อกโควต้าผู้ป่วยของโรงพยาบาล SSO สองแห่งในช่วงปี 67-68 โดยมีโควต้าเพิ่มเติมรวมกัน 180,000 ราย
- AOT (KGI) แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป่าหมาย 79 บาท ราคาหุ้นพักฐานลงมาสะท้อนการปรับลดสมมติฐานจำนวนนักท่องเที่ยวปี 66 ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แล้ว ขณะที่คาดจะเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางต่อเนื่องช่วงเทศกาลปีใหม่ ต่อเนื่องในช่วงเทศกาลตรุษจีนและสงกรานต์ โดยคาดกำไรปี 66/67 (ต.ค.66 - ก.ย.67) จะเติบโตเด่นมากกว่า 150% YoY แตะ 2 หมื่นล้านบาท จากการฟื้นตัวแบบเต็มปี ขณะที่ Earnings momentum กำลังเข้าสู่ช่วงฟื้นตัว