นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO) เข้าเทรดวันแรกที่ 10.90 บาท/หุ้น สูงกว่าราคา IPO ที่ 10 บาท/หุ้น ประมาณ 9%
ราคา IPO หุ้น ESSO ที่ PE ไม่แพงประมาณ 5 เท่า อัตราเงินตอบแทนเงินปันผลอยู่ที่ประมาณ 10% ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการของเอสโซ่ แม้จะไม่มีการขยายกำลังการผลิต และในประเด็นค่าการกลั่นแนวโน้มอุตสาหกรรมโรงกลั่นครึ่งปีหลังจะมีซัพพลายใหม่เพิ่มเข้ามาในตลาดเป็นที่รับรู้อยู่แล้ว ดังนั้น ในเชิงมาร์จิ้นไม่ได้เป็นตัวสนับสนุนผลประกอบการปีนี้
แต่ ESSO มีตัวสนับสนุนผลประกอบการที่ทำให้มีแนวโน้มที่สามารถจะทรงตัวหรือดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาคือสิทธิประโยชน์ทางภาษี และอัตราดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง เนื่องจากก่อนเข้าตลาดหุ้นมีการรีไฟแนนซ์ และเพิ่มทุนเพื่อนำเงินไปคืนหนี้ก้อนเดิมด้วย ตรงนี้เป็น 2 ปัจจัยหลักที่ช่วยสนับสนุนผลประกอบการของบริษัท
"Timing ในการเข้าเทรดของ ESSO ค่อนข้างดีเพราะไตรมาส 2 เป็นช่วงที่ค่าการกลั่นค่อนข้างจะสูงที่สุดในปี เมื่อเทียบเป็น 4 ไตรมาส ไตรมาส 2 จะดีที่สุด ในเชิง sentiment ในเรื่องภาพรวมของโรงกลั่นไม่ได้แย่มาก เข้าเทรดวันแรกคิดว่าน่าจะได้รับความสนใจเพราะถ้าอิง ณ ราคาที่ IPO ก็สะท้อนถึงข้อเด่นข้อด้อยไปหมดแล้ว Pricing ก็ไม่ได้ออกมาแพงมาก น่าจะเหนือจอง" นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าว
แนะ"ซื้อ"ให้ราคาพื้นฐานที่ 15.00 บาท
ESSO ประกอบกิจการโรงกลั่นปิโตรเลียม และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมแบบครบวงจร (Integrated) รวมทั้ง ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์และเคมีภัณฑ์อื่น ๆ ซึ่ง ESSO และบริษัทในเครือที่เกี่ยวข้องได้ประกอบธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 100 ปี ESSO ขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมแก่ลูกค้ารายย่อยผ่านทางเครือข่ายที่กว้างขวางของสถานีบริการน้ำมันค้าปลีกภายใต้ชื่อการค้าเอสโซ่ กว่า 580 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้ง ขายโดยตรงให้แก่ลูกค้าในภาคอุตสาหกรรม ค้าส่ง การบินและการเดินเรือ
ESSO เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯเป็นวันแรกจำนวน 3,383,333,300 หุ้น ราคาพาร์ 4.9338 บาท หลังจากเปิดขาย IPOราคาหุ้นละ 10 บาท
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--