SET ปิดวันนี้ที่ 1,418.45 จุด ลดลง 9.51 จุด (-0.67%) มูลค่าซื้อขาย 42,143.31 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีปรับตัวลง โดยทำจุดต่ำสุด 1,413.86 จุด และจุดสูงสุดที่ 1,428.06 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 172 หลักทรัพย์ ลดลง 315 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 169 หลักทรัพย์
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลงตามบรรยากาศการลงทุนในต่างประเทศที่เริ่มมีแรงขายทำกำไร หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ดีดตัวขึ้น
ขณะที่ปัจจัยในประเทศนักลงทุนกังวลกรณีที่ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) นัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้เพื่อขอขยายเวลาไถ่ถอนออกไป 2 ปี ทำให้เกิดความกังวลต่อตลาดหุ้นกู้และเจ้าหนี้ เพราะนอกจากผู้ถือหุ้นกู้แล้วยังมีสถาบันการเงินด้วย ส่งผลกดดันต่อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และสร้างบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ค่อนไปทางลบ
แนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดตลาดแกว่งในกรอบแนวรับ 1,415 จุด และแนวต้าน 1,428 จุด ขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 เรื่อง คือ เงินเฟ้อสหรัฐฯ และ การประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ มองว่าช่วงไตรมาส 4/66 แบงก์ใหญ่น่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่กลุ่มแบงก์ขนาดกลางและเล็กที่มีธุรกิจเกี่ยวกับการเช่าซื้ออาจจะมีโอกาสตั้งสำรองสูงขึ้น เนื่องจากราคารมือสองปรับลงค่อนข้างแรง
นอกจากนั้น สัปดาห์นี้ติดตามการแถลงความคืบหน้าโครงการ Digital wallet จากนายกรัฐมนตรี เนื่องจากตลาดมีความกังวลหากโครงการดังกล่าวมีความล่าช้ากว่าที่รัฐบาลเคยมองที่เดือน พ.ค.67 อาจเป็นปัจจัยเชิงลบต่อตลาดได้
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,419.07 ล้านบาท ปิดที่ 132.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,277.26 ล้านบาท ปิดที่ 63.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,197.38 ล้านบาท ปิดที่ 149.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,159.84 ล้านบาท ปิดที่ 55.25 บาท ลดลง 0.25 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,126.12 ล้านบาท ปิดที่ 154.50 บาท ลดลง 1.00 บาท