เช้านี้มีรายการบิ๊กล็อต ESSO 6 รายการ จำนวน 4.6 ล้านหุ้น คิดเป็น 48.82 ล้านบาท ที่ราคาเฉลี่ย 10.61 บาท/หุ้น
ขณะที่ราคาปิดเทรดช่วงเช้าอยู่ที่ 10.60 บาท เหนือจอง 6% จากราคา IPO ที่ 10 บาท/หุ้น โดยเปิดตลาดที่ 10.90 บาท ราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 11.00 บาท และราคาปรับลงต่ำสุดที่ 10.40 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,981.06 ล้านบาท
บทวิเคราะห์ บล.ไซรัส แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO) ราคา IPO 10 บาท คิดเป็น PE ปี 51 ที่ไม่สูง 6.0 เท่า PBV 1.0 เท่า เทียบกับหุ้นโรงกลั่นอื่นๆ คือ PTTAR (ที่ราคาปัจจุบัน 37.25 บาท) และ TOP (ที่ราคา
ปัจจุบัน 73 บาท) ที่ประมาณ 10 เท่า และ 7.9 เท่า ตามลำดับ P/BV ที่ 1.5-1.7 เท่า ขณะที่ ESSO จะจ่ายปันผลหุ้นละ 1 บาท คิดเป็น Dividend yield 10% เทียบกับของ PTTAR และ TOP ที่ระดับ 5-6% จึงถือว่าราคาที่ IPO เป็นระดับราคาที่ค่อนข้างจูงใจ แม้ ESSO ด้อยกว่าในด้านศักยภาพในการเติบโต (Growth story) เนื่องจากในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ไม่มีโครงการขยายลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังผลิตหรือกระจายการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ
ประเมินราคาเป้าหมายปี 51 ที่ 12.50 บาท อิงจาก P/E ที 7.5 เท่า ซึ่ง Discount จาก P/E เป้าหมายของโรงกลั่น PTTAR และ TOP ที่ 9-10 เท่า เนื่องจากเห็นว่ามีศักยภาพในการเติบโตและรักษาเสถียรภาพของกำไร (เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงหากเข้าขาลงของวัฎจักรธุรกิจ) ที่ดีกว่า โดย TOP ได้เสร็จการเพิ่มกำลังการกลั่นอีก 22% เป็น 275 KBD เมื่อปลายปีก่อน และการขยายกำลังผลิตปิโตรเคมีสายอะโรเมติกเมื่อกลาง 1Q51 ขณะที่ PTTAR จะมีกำลังผลิตเพิ่มอีก 65 KBD เป็น 210 KBD
ภายในปี 51 และ 280 KBD ภายใน 1Q52
ปัจจัยเสี่ยงการพึ่งพาผู้ถือหุ้นใหญ่ Exxon Mobil โดยเฉพาะด้านการจัดหาวัตถุดิบ ความผันผวนของ GRM และ Product spread ของธุรกิจสายปิโตรเคมี
กำไรปีสุทธิ 50 เพิ่ม 348% Y-Y เป็น 7.05 พันล้านบาท กำไรปกติเพิ่ม 614% Y-Y เป็น 6.62 พันล้านบาท ส่วนใหญ่จากค่าการกลั่น (GRM) เพิ่มและดอกเบี้ยจ่ายลดลง
คาดกำไรปี 51 ที่ 5.64 พันล้านบาท ลดลง 14.9% Y-Y จากสมมุติฐาน GRM เฉลี่ยที่ US$6/บาร์เรล ลดลงจากปีก่อนที่ US$7.29/บาร์เรล และคาด Gross margin จากธุรกิจปิโตรเคมีลดลงต่อ จากราคาวัตถุดิบที่ปรับขึ้นมากกว่าราคา
ผลิตภัณฑ์พาราไซลีน แม้ชดเชยได้มากจากดอกเบี้ยจ่ายที่คาดว่าจะลดลงอีกถึงประมาณ 60% เหลือ 1.4 พันล้านบาท และการใช้ประโยชน์จากยอดขาดทุนสะสมทางภาษีที่มีอยู่ ณ สิ้นก่อนจำนวน 9.24 พันล้านบาท
ฐานะการเงินแข็งแกร่งขึ้น Net D/E ณ สิ้นปี 50 ลดลงเหลือ 1.37 เท่า ผลจากการปรับโครงสร้างทางการเงินโดยการเพิ่มทุนและการทำ Refinancing และคาดว่าสิ้นปี 51 จะลดเหลือ 0.62 เท่า จากการลดหนี้และฐานเงินทุนเพิ่มจากการทำ IPO
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--