นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรืิอ KEST เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำงวดไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2551 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 166.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.18 ล้านบาท หรือกำไรเพิ่มขึ้น 154.44 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 65.52 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณธุรกิจที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันของบริษัทฯ ที่เพิ่มขึ้นจาก 1,718 ล้านบาท เป็น 3,129 ล้านบาท อันมีผลมาจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายของนักลงทุนรายย่อย และปริมาณการซื้อขายโดยรวมของตลาดหลักทรัพย์ ส่งผลให้รายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 211.18 ล้านบาท เป็น 457.99 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 85.56 %
นอกจากนี้ ธุรกิจการเป็นตัวแทนซื้อขายตราสารอนุพันธ์ก็มีการเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รายได้จากค่านายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 23.75 ล้านบาท เป็น 34.27 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 225.72 % เนื่องมาจากปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 473 สัญญา เป็น 1,669 สัญญา ซึ่งเป็นไปตามการเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายโดยรวมของตลาดอนุพันธ์ อันเป็นผลจากการที่บริษัทฯ ได้รุกธุรกิจนี้และส่งเสริมให้ความรู้ด้านตราสารอนุพันธ์แก่นักลงทุนมากขึ้น
“ในปี 2551 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดไว้ที่ 8-9% โดยสามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้ได้ดังจะเห็นได้ว่า ณ สิ้นไตรมาสแรกปีนี้ ส่วนแบ่งตลาดของบริษัทฯ อยู่ที่ 8.13 % คงความเป็นอันดับหนึ่งและคาดว่าจะยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่งไว้ได้ตลอดทั้งปี"นายมนตรี กล่าว
สำหรับในส่วนธุรกิจวาณิชธนกิจนั้น นายมนตรี กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าที่จะรุกงานวาณิชธนกิจในด้านต่างๆ ให้ครบวงจรมากขึ้น ทั้งการระดมทุนในรูปของหุ้นทุน ตราสารหนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ การเป็นที่ปรึกษาการเงิน การปรับโครงสร้างทางการเงินและโครงสร้างหนี้ ฯลฯ อีกทั้งเพิ่มการให้บริการด้านอื่นๆ ให้ครบวงจรมากขึ้น อาทิ การดำเนินธุรกิจการให้ยืมและกู้ยืมหลักทรัพย์ ซึ่งได้เปิดดำเนินการแล้วตั้งแต่เดือนเมษายนนี้
--อินโฟเควสท์ โดย ตลฦ/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--