บมจ.ลีดเดอร์ กรุ๊ป (LDG) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 210 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นไม่เกิน 26.25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลัง IPO และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) หมวดธุรกิจการเงิน โดยมี บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
วัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้ 1. เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนสำหรับนำไปซื้อสินทรัพย์ด้องคุณภาพและขยายกำลังคนในอนาคต 2. ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน 3. เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
LDG ดำเนินธุรกิจ 2 ประเภทหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจให้บริการเจรจาติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้ และบริการอื่นที่เกี่ยวข้อง และ 2. ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยกลุ่มบริษัทมีเป้าหมายขยายงานของกลุ่มงานรับประมูลซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันทางการเงินมาเพื่อบริหารจัดการโดยวางแผนขยายกำลังคนเพื่อรองรับงานกลุ่มนี้มากขึ้น เพื่อรองรับกับแผนการเติบโตของรายได้
ในปี 65 บริษัทเล็งเห็นโอกาสในธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขาย (AMC) จึงก่อตั้งบริษัท บริหารสินทรัพย์ ลีดเดอร์ จำกัด (L-AMC) ซึ่ง LDG ถือหุ้น 99.99% เพื่อประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์จากการรับซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงิน และทรัพย์สินรอการขาย เพื่อนำไปบริหาร หรือจำหน่าย จ่าย โอน
อย่างไรก็ดี กลุ่มบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางในการประกอบธุรกิจ AMC ดังกล่าวเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างเหมาะสม อีกทั้งยังต้องการพัฒนาธุรกิจปัจจุบันของบริษัทฯ ให้เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน จึงคาดว่าจะเริ่มดำเนินธุรกิจ AMC อย่างเร็วคือตั้งแต่ปี 68 เป็นต้นไป
กลยุทธ์ของกลุ่มบริษัทฯ มุ่งเน้นการสร้างความเชื่อมั่นและไว้ใจ ประสานความสัมพันธ์อันดีต่อพันธมิตรทางธุรกิจ และดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของกฎหมาย ยึดมั่นคุณธรรมและจริยธรรม ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ มีผลประกอบการทางการเงินที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้จากการบริการในปี 63-65 และงวด 9 เดือนแรกของปี 66 เท่ากับ 687.29 ล้านบาท 736.74 ล้านบาท 863.68 ล้านบาท และ 790.03 ล้านบาท ตามลำดับ อัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 12.10% และอัตราการเติบโต (YoY Growth rate) เมื่อเปรียบเทียบรายได้จากการบริการในงวด 9 เดือนของปี 65 กับงวด 9 เดือนแรกของปี 66 เท่ากับ 23.21%
โครงสร้างผู้ถือหุ้น ประกอบด้วย นายสุริชัย บุญเกิด ถือหุ้น 27.86% หลัง IPO จะลดสัดส่วนลงเหลือ 20.55% , นายเมธ์ ปุ่มเป้า 18.51% จะลดเหลือ 13.65%, นายวิชาญ จันทร์ศรีทอง 16.44% จะลดเหลือ 12.12%, นายสมคิด นามเหลา 15.41% จะลดเหลือ 11.36%, นางฐิตาภา ฟองพิกุล 8.25% จะลดเหลือ 6.08%, นายภูวดล หนูเจริญ 8.00% จะลดเหลือ 5.90% และ นางสาวนภัทร พัชระดิษญา 5.53% จะลดเหลือ 4.08%
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหักทุนสำรองตามกฏหมายกำหนดและตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัท