บมจ. แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ 2 ชุด ได้แก่ หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.10% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.40% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน คาดเสนอขายวันที่ 23 - 25 มกราคมนี้ ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 7 สถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส และบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ LPN เผยว่า LPN พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่จำนวน 2 ชุด โดยเป็นการออก และเสนอขายหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน โดยหุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.10% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.40% ต่อปี หุ้นกู้ทั้ง 2 ชุด กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ โดยมีมูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณ 100,000 บาท คาดเสนอขายวันที่ 23 - 25 มกราคม 2567 โดยมีวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อนำไปชำระคืนหุ้นกู้ และ/หรือ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ในกิจการภายในปี 2567
หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 ที่ระดับ "BBB" เช่นเดียวกับอันดับเครดิตองค์กร และมีแนวโน้ม "ลบ" ซึ่งอยู่ในระดับ Investment grade หรือเรียกว่าระดับที่สามารถลงทุนได้
โดยที่ผ่านมา ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ ได้มีการเปิดตัวโครงการรวมมูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท ทั้งในส่วนของโครงการบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมระดับพรีเมียม อาทิ โครงการเรสซิเดนซ์ 168 ราชพฤกษ์, โครงการเมซอง 168 เมืองทอง และบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมในราคาที่จับต้องได้ อาทิ โครงการเวนู 24 คูคต สเตชั่น ,โครงการ เฮ้าส์ 24 เวสต์เกต และอีกหลายหลายโครงการ รวมถึงไปคอนโดมิเนียมคุณภาพที่ได้รับการยอมรับในวงการอสังหาริมทรัพย์มาตลอด 35 ปี ได้แก่ พาร์ค 168 นพรัตน์ รามอินทรา และแบรนด์ใหม่ที่เปิดตัวในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา คือ โครงการ เอิร์น บาย แอล.พี.เอ็น. บริเวณนิคมอมตะ จังหวัดชลบุรีเป็นที่แรก
สำหรับในส่วนของผลประกอบการ บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้กว่า 8,000 ล้านบาท ทำให้ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 5,562 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 336 ล้านบาท โดยรายได้หลักเกิดการจากการขายโครงการพร้อมอยู่ทั้งโครงการคอนโดมิเนียม และเริ่มทยอยส่งมอบโครงการบ้านพักอาศัยแบรนด์ใหม่อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งยังมียอดขายรอโอน (Backlog) อีกกว่า 2,800 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ในอนาคตต่อไป
"บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า การออกหุ้นกู้ของบริษัทในครั้งนี้จะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุน ซึ่งการระดมทุนด้วย การออกหุ้นกู้ของบริษัทฯ ไม่ได้ออกเสนอขายบ่อยนักในแต่ละปี ถือเป็นโอกาสในการลงทุน และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับ ผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนคงที่ในอัตราที่เหมาะสม ในองค์กรที่มีอันดับ ความน่าเชื่อถือในระดับที่ลงทุนได้ (Investment grade)"