นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวว่า กรณีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (ก.ล.ต. สหรัฐฯ) ได้มีมติอนุมัติให้จัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETFs อย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยอนุมัติคำขอของกองทุนที่ยื่นขอใบอนุญาตทั้งหมด 11 แห่ง จะส่งผลสำคัญต่อทิศทางวงการคริปโทเคอร์เรนซี เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้คนทั่วไป สามารถเข้าถึงการลงทุนผ่านเหรียญบิทคอยน์ได้สะดวกและง่ายขึ้นแล้ว ยังเป็นเหมือนการประทับตรายืนยันสถานะของบิทคอยน์ ที่ถูกสบประมาทมากว่า 10 ปี ว่าเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ ให้กลายเป็น "The First International Digital Commoditiy" ที่เป็นที่ยอมรับ และกำลังจะเข้าถึงคนส่วนใหญ่ผ่านตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก
ในขณะเดียวกัน สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากนี้ คือการเข้ามาของเงินทุนสถาบัน ที่จะยิ่งส่งให้เหตุการณ์ "Golden Year" หรือเวฟใหม่ของคริปโทเคอร์เรนซี ที่ตามสถิติแล้วจะมาถึงทุก 4 ปี หลังปรากฎการณ์ "Bitcoin Halving" ซึ่งครั้งต่อไปจะเป็นช่วง 2567-2568 จะยิ่งมีความคึกคักมากกว่าที่เคยเป็นมา เพราะตลอด 10 ปีที่ผ่านมา วงการคริปโทเคอร์เรนซี ถูกขับเคลื่อนแค่เพียงเม็ดเงินจากนักลงทุนรายย่อยแทบทั้งหมด
แต่หลังการอนุมัติกองทุน Spot Bitcoin ETFs จะมีเงินทุนสถาบันจำนวนมหาศาล อีกทั้งนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่เดิมทีมีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี ก็มีโอกาสลงทุนในบิทคอยน์ได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งจะคล้ายกับยุคที่อนุมัติกองทุน ETF ทองคำเป็นครั้งแรกเมื่อ 20 ปีก่อน และตนเชื่อว่า หลังจากนี้จะยังมีกองทุนใหม่เพิ่มขึ้นจาก 11 กองทุนเดิมที่ได้รับอนุญาต รวมถึงกลุ่มกองทุนเดิม 11 แห่ง ก็จะต้องการปริมาณการซื้อที่เพิ่มขึ้นด้วย เพื่อแข่งขันให้รองรับความต้องการของนักลงทุนสถาบันที่น่าจะเพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ การมาของ Spot Bitcoin ETFs เราน่าจะได้เห็น New Financial Products ของบิทคอยน์เกิดขึ้นมา และจะทำให้เกิดผู้เล่นรายใหม่ที่เป็นสถาบันการเงินเก่า เข้ามาเป็น Infrastructure Providers ในการเข้ามาทำแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือจะเปิดเป็น Crypto Private Fund เพื่อการลงทุน หรือแม้แต่จะเข้ามาทำ Custodian Solutions เพื่อรับฝากเหรียญของลูกค้าเหมือนการฝากเงินธนาคาร รวมถึงการเข้ามามีบทบาทของหน่วยงานกำกับดูแลมากยิ่งขึ้น หากวงการคริปโทเคอร์เรนซีมีขนาดใหญ่ขึ้น
นายจิรายุส ยังเห็นด้วยกับนายแกรี่ เกนสเลอร์ ประธาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ ที่ออกมาเตือนว่า มติในครั้งนี้ เป็นการอนุมัติการจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETFs แต่ไม่ได้รับรองสิ่งที่ผูกติดมากับบิทคอยน์ ซึ่งก็ยังคงต้องระมัดระวังในการเลือกการลงทุนนี้อยู่ โดยเป็นเรื่องที่ดี และเป็นหน้าที่ของหน่วยงานกำกับดูแลอยู่แล้ว ที่ควรให้คำแนะนำแก่นักลงทุน เพราะแม้แต่การลงทุนที่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างตลาดหลักทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ หรือทองคำ ก็ยังมีคนล้มละลายจากการไม่ศึกษาตัวธุรกิจให้ถี่ถ้วน
ดังนั้น ตนอยากแนะนำว่า ตลาดบิทคอยน์มีความผันผวนสูงมาก การอนุมัติ ETF มีข้อดี คือ ช่วยให้นักลงทุนที่ไม่ชำนาญทางเทคนิคในระบบการซื้อขาย สามารถเข้ามาลงทุนได้สะดวกขึ้น แต่ก็ยังจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในตัวสินทรัพย์ที่ลงทุนด้วย ไม่แนะนำให้เข้ามาลงทุนตามกระแส เพราะมีความเสี่ยงสูงมาก ควรเรียนรู้และทำความเข้าใจในสิ่งที่จะลงทุนทุกครั้ง
"สิ่งที่ได้มาจากมติของ ก.ล.ต. สหรัฐ เมื่อคืนก่อนนี้ คือ "Legitimacy" หรือ การคืนความชอบธรรมทางกฎหมายให้แก่อุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัล ที่ไม่ได้รับการยอมรับในฐานะสินทรัพย์มานาน เหตุการณ์นี้ จึงนับเป็นประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ที่เกิดความชอบธรรมและชัดเจนแล้วว่า บิทคอยน์ ได้ถือเป็นหนึ่งใน "Mainstream Asset Class" แล้ว ซึ่งเป็นที่มาว่า ทำไมคนในแวดวงคริปโทเคอร์เรนซีทั่วโลก ต่างตื่นตัวและจับตามองต่อเหตุการณ์นี้ และสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป" นายจิรายุส กล่าว